เอาจริง ทริปนี้คือการเดินทางแบบที่ไม่ได้ตระเตรียมอะไรไปเลย ลุยหน้างานกันล้วน ๆ หรือเรียกอีกคำคือ ชุ่ย ฮ่า ๆ ทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจสุด ๆ เพราะที่บ้านได้ตั๋วญี่ปุ่นฟรีมาใบนึงเขาและช่วงนั้นทุกคนก็งานเข้าหมดพอดีซะงั้น ผมจึงรีบคว้าตั๋วมาอย่างตะกละเที่ยว โดยไม่ได้รู้เลยว่า ช่วงพฤจิกายนเนี่ย งานของเอ็งก็ยุ่งสุด ๆ พอกัน ลาไม่ได้เลย เลยต้องบินไปเที่ยวแบบเสาร์ อาทิตย์กลับ (โอ้ย ยังกับไปมวกเหล็ก) เอาวะ ช่างมัน งั้นลุย เที่ยวแบบไม่ต้องวางแผนแหละ สองวันเอง ทรีตเสียว่า หนีกรุงเทพฯไปหาที่เที่ยวโตเกียวชั่วคราว

ด้วยความที่ไปโตเกียวหลายรอบแล้ว แลนด์มาร์กหลัก ๆ ก็เก็บครบหมดแล้ว คราวนี้ผมเลยกะไปเดินถ่ายรูปเล่นเรื่อยเปื่อย โดยตั้งใจเลือกย่านที่ไม่ค่อยป็อปของเขาบ้าง เก็ตไหมฮะ ชิบูยา ชินจูกุ หรือโอโมเทะซานโด นี่เบื่อแล้ว อยากไปย่านหลืบ ๆ บ้าง อยากรู้ว่า เขตบางกะปิ เขตบึงกุ่มของโตเกียวเป็นอย่างไร น่าจะได้วิวที่แปลกตาและถ่ายรูปไม่ซ้ำดี เชื่อลึก ๆ ว่า ญี่ปุ่นเนี่ย เดินซอกไหน ก็น่าจะถ่ายรูปได้อยู่แล้วล่ะ
Day 1
1 Tamagawa Station
วางของที่โรงแรมในอูเอะโนะเสร็จ ผมก็นั่งรถไฟไปที่สถานี Tamagawa เลย ที่เลือกตรงนี้เพราะเห็นว่า ไกลดี... ฮ่าๆๆ ชุ่ยจัด อ้อ อีกอย่างคือ มันติดแม่น้ำด้วย ผมชอบพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำของญี่ปุ่น เขามักทำเป็นทางเดินโล่ง ๆ มีพื้นที่ให้คนไปทำกิจกรรมกัน (นึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงการ์ตูนญี่ปุ่น เวลาฉากพระเอกเดินสวีทกับนางเอกหลังเลิกเรียนงี้)

ลงจากสถานีเสร็จ เราก็ต้องเดินทางผ่านซอกซอยเล็กน้อยจึงจะถึงเจอริมน้ำ ด้วยความที่ผมไม่ได้รีบอะไรนัก (เพราะทั้งวันอุทิศให้ย่านนี้ทั้งหมด) เลยเลือกเดินทางอ้อมลัดตรอกซอกซอยของเขา กะไว้ใจในว่า ไปถึงริมน้ำก็เย็น ๆ พอดี จะได้ชิลล์
ผมเดิน ๆ หยุด ๆ ถ่าย ๆ ไปเรื่อย ความสีคุมโทนของบ้านเมืองที่นี่นั้นน่าพึงใจจริง ๆ มองไปทางไหนก็ไม่มีมาขัดหูขัดตา ไม่มีป้ายไวนิลโฆษณาสีแหลม ๆ รั้วอัลลอยเห่ยบ้านที่ทาสีจัดๆ หรือกองขยะเมือก ๆ ทุกอย่างเอื้อต่อการจัดเฟรมและกดชัตเตอร์ สำหรับการเป็นที่ถ่ายรูปญี่ปุ่นเค้าเหมาะจริง ๆ



เดิน ๆ หยุด ๆ อยู่สักพัก ก็คิดเหมือนกันว่า การเดินทางมั่วซั่วเอาแต่ใจแบบนี้มันต้องมาคนเดียวจริง ๆ ถ้าลากเพื่อนนี่มาเดิน ๆ หยุดเจอด่าตาย อะไรของเอ็ง มาดูซอกซอยเขาอะไรวะ ไม่เห็นคุ้มเลย ไหนชอปปิงรองเท้า ไหนซูชิร้านดัง ไหนย่านฮิป ๆ วะ!


ในที่สุดก็เดินมาถึงริมแม่น้ำ วิวปลอดโปร่ง มองแล้วโล่งใจเข้าไปอีก น้ำใสสะอาด อากาศเย็นสบาย ไม่หนาวมาก ผสมกับแดดยามบ่ายแก่ ๆ แล้วกลมกล่อมรื่นรมณ์ ผมเดินเรียบฝั่งและถ่ายรูปผู้คนไปเรื่อย กิจกรรมริมน้ำมีหลากหลาย ทั้งปั่นจักรยาน ซ้อมเบสบอล ซ้อมเทนนิส เป่าแซ็กโซโฟน หรือกระทั่งมานั่งดูแม่น้ำเฉย ๆ เห็นแล้วรู้สึกว่า เออ ถ้ามันมีการจัดสรรพื้นที่ได้ดีเนี่ย คนก็จะออกจากบ้าน ออกจากห้างมาใช้เองแหละ



Day 2
2 Kasai Rinkai Park
จบวันแรกไปแบบอิ่มเอมใจ วันที่สองเลยติดใจริมน้ำ แต่อยากไปอะไรที่มันเป็นสถานที่กิจจะลักษณะกว่านี้หน่อย ไม่ใช่เตร็ดเตร่เหมือนจีพีเอสเสียแบบนี้ ก็เลยเลือกสวนริมน้ำที่ไกลตัวเมืองออกไปอย่าง Kasai Rinkai เป็นจุดหมาย (ไปสุ่มเจอมาในเน็ต) ผมนั่งรถออกจากกลางเมืองโตเกียวไปสักประมาณครึ่ง ชม. ครับ

สวนริมน้ำแห่งนี้ไม่ธรรมดา เพราะมีแลนด์มาร์กอย่างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโตเกียวซีไลฟ์ (Tokyo Sealife Aquarium) ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณส่วนกลางของสวน รูปทรงด้านบนเป็นโดมกระจกขนาดยักษ์ ตั้งอยู่โดดเด่นริมทะเล และแลนด์มาร์กอีกอันคือชิงช้าสวรรค์ Diamond and Flowers Ferris Wheel ที่มีความสูงถึง 117 เมตร นับเป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงเป็นอันดับสองของประเทศญี่ปุ่น ว่ากันว่า ถ้าขึ้นไปนั่งวันอากาศดี ๆ นี่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของอ่าวโตเกียว โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท หรือไกลไปถึงยอดภูเขาไฟฟูจิเลยทีเดียว ซึ่งถามว่า ผมได้ขึ้นหรือได้เข้าไปไหม ก็ไม่ครับ.... ขี้เกียจ แถมตังค์น้อย เวลาน้อย ก็เลยเดินถ่ายรูปเล่นรอบ ๆ กันไป


สวนนี้ค่อนข้างโล่งสงบดีครับ ออกแนวร้างเลยด้วยซ้ำ ตอนผมมานี่มีเจอคนไม่ถึงห้าสิบคน อาจเพราะมันหน้าลมใกล้อ่าวมันแรง อย่างไรก็ตามถือว่าเดินชิลล์ ๆ สูดอากาศได้อยู่ครับ ถ้าหนาวก็เข้าไปหลบในตึกกระจกที่เขาสร้างไว้ชมวิวก็ได้



ผมเดินเล่นซึมซาบบรรยากาศที่สวนจนถึงหัวค่ำเล็กน้อย เพราะต้องรีบเข้าโตเกียวไปขึ้นเครื่องไฟลท์ดึก ระหว่างกำลังเดิน ๆ อยู่นั้นก็รู้สึกว่า เออ กระทั่งทริปง่อย ๆ อย่างนี้ ที่ไม่ได้เตรียมตัว เตรียมวันหยุดเลยแบบนี้ ผมก็ยังรู้สึกดีมาก ๆ กิจกรรมธรรมดาอย่างการเดินถนนเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ ในสองวันที่ผ่านมา ถ้ามองว่า เป็นทริปเปลืองเวลาก็คงได้ แต่สำหรับผมนั้น การได้ทอดน่องบนถนนที่ ๆ ไม่ต้องคอยระวังพี่มอเตอร์ไซด์มาทิ่มหลัง, ไม่ต้องหลบน้ำนรกใต้อิฐบล็อค, ไม่ต้องสลดใจกับทางรถเข็นคนพิการที่ไม่ Practical หรือไม่ต้องสูดควันพิษดำทมิฬจากรถเมล์ที่เครื่องยนต์หมดอายุการใช้งาน ก็นับเป็นการ Vacation ชั้นดีแล้วล่ะครับ
สำหรับใครที่วางแผนจะมาเที่ยวญี่ปุ่น ก็อย่าลืมเข้าไปดู 10 ร้านอาหารในโตเกียวเจ้าเด็ดต้องลอง ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ! และ 6 ร้านซูชิในโตเกียวราคาย่อมเยา ฟินกี่ที เงินก็เหลือ! จะได้ไม่พลาดร้านอาหารเด็ด ๆ ในโตเกียวกันนะครับ ส่วนครั้งหน้า Wongnai Travel จะมีที่เที่ยวญี่ปุ่นที่ไหนมาแนะนำอีกก็ฝากติดตามกันด้วยนะ : )