หลังจากที่สาว ๆ หลายคนได้ครอบครองกล้องฟิล์มกันบ้างแล้ว ก็อาจจะเกิดคำถามว่า เอ๊ะ เราควรจะเลือกฟิล์มแบบไหนดี หรือก่อนจะเลือกฟิล์มต้องรู้อะไรบ้าง บอกเลยว่านอกจากการเลือกกล้องแล้ว การเลือกฟิล์มสักม้วนก็สำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ เพราะว่าถ้าโทนสีไม่ถูกใจเนี่ย ไม่สามารถมาแก้ได้ทีหลังแล้วน้า ต้องถ่ายจนหมดม้วนซะก่อนถึงจะรู้ว่าภาพออกมาเป็นยังไง แถมถ้าล้างออกมาได้รูปไม่ถูกใจล่ะก็เซ็งไปหลายวันเลย แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะถ้าอ่านบทความนี้จบ หยิบกล้องตัวเก่ง เลือกฟิล์มที่ใช่ แล้วออกไปถ่ายกันโลด รับรองรูปสวยแน่!
ก่อนซื้อฟิล์มต้องรู้อะไรบ้าง?
เสน่ห์ของกล้องฟิล์มก็คือฟิล์มจริงมั้ยล่ะคะ ซึ่งฟิล์มก็มีให้เลือกด้วยกันหลายโทนหลายแบบเลย แล้วจะรู้ได้ไงว่าต้องเลือกฟิล์มแบบไหน? ก่อนอื่นเราต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าเราจะถ่ายอะไร และชอบโทนสีแบบไหน เมื่อเรารู้แล้วว่าเราจะถ่ายอะไรก็จะทำให้เราเลือกโทนสีของฟิล์ม และ ความไวแสงได้อย่างเหมาะสม เพราะสภาพแสง หรือสภาพอากาศมีผลต่อรูปถ่ายมาก ๆ ถ้าเลือกได้อย่างถูกต้องก็จะทำให้ภาพของเราไม่มืดหรือสว่างจนเกินไป สำคัญมากที่เราต้องรู้ คือ วันหมดอายุ ซึ่งฟิล์มแต่ละกล่องจะระบุวันหมดอายุไว้ที่ข้างกล่อง แล้วฟิล์มที่หมดอายุแล้วถ่ายต่อได้มั้ย? คำตอบคือได้ค่ะ แต่จะให้โทนสีที่ผิดเพี้ยนไป เกิดเป็นความสวยงามไปอีกแบบ ซึ่งแล้วแต่คนชอบเลย
ฟิล์มที่มีขายในท้องตลาดมีกี่ประเภท และแตกต่างกันอย่างไร?
ถ้าเราแบ่งตามสีของฟิล์ม มี 2 แบบ นั่นคือ ฟิล์มขาว-ดำ ที่ถ่ายออกมาแล้วได้รูปขาว-ดำนั่นเอง และฟิลม์สี ที่ถ่ายออกมาแล้วมีสีตามที่เห็น ซึ่งมีให้เลือกกันหลายแบบ และถ้าเราแบ่งตามขนาดที่ปัจจุบันนิยมใช้ คือ 35 MM เป็นขนาดที่นิยมใช้กันมากที่สุด สามารถถ่ายได้ 36 รูป มีขนาดรูปอยู่ที่ 36x24 mm ใช้ได้กับกล้องทั่วไป ข้อดีของฟิล์มขนาดนี้ คือ หาซื้อได้ง่าย พกพาสะดวก และมีให้เลือกเยอะ ต่อมาคือขนาด 120MM เหมาะกับกล้องที่มีขนาดใหญ่ เมื่อถ่ายแล้วได้รูปหลายขนาด แต่ส่วนมากจะเป็นขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่ง 1 ม้วน สามารถถ่ายได้ 12 รูป ข้อดีคือภาพมีความคมชัดกว่าขนาด 35MM แต่ข้อเสียคือฟิล์มมีขนาดใหญ่ เมื่อใส่กับกล้องขนาดใหญ่ทำให้ไม่สะดวกต่อการพกพา และ ฟิล์ม 110MM เป็นฟิล์มขนาดเล็กที่ผลิตมาใช้กับกล้องขนาดเล็ก สามารถถ่ายได้ 12 และ 24 รูป ข้อเสียคือหายาก และมีราคาแพง
ISO คืออะไร?
ถ้าเราสังเกตตามข้างกล่องฟิล์ม เราจะเห็นตัวเลข 100, 200 สงสัยกันมั้ยล่ะคะ ? ว่าตัวเลขนั้นคืออะไร ตัวเลขนั้นเป็นการบอกถึงความไวแสงค่ะ ซึ่งตัวเลขน้อยหมายถึง ความไวแสงต่ำ เกรนน้อย ภาพละเอียด และตัวเลขที่มากหมายถึง ความไวแสงสูง เกรนชัด ดังนั้นเราควรเลือก ISO ของฟิล์มให้เหมาะสมกับสภาพแสงที่เราต้องการถ่าย ทริคในการเลือกนั้นก็ง่ายมาก ๆ ถ้าเราต้องการถ่ายในที่ที่มีแดด เราสามารถเลือก ISO ได้ตั้งแต่ 100-400 แต่ถ้าเราต้องการถ่ายในที่แสงน้อย หรือที่มืด ควรเลือก ISO ตั้งแต่ 800 ขึ้นไปเลย สรุปคือ ถ้าต้องการถ่ายที่แดดจ้า ให้เลือกเลขน้อย ๆ ถ้าต้องการถ่ายที่มืดให้เลือกตัวเลขสูง ๆ จ้า
12 โทนสีฟิล์มแนะนำ
Agfa Vista 400

เริ่มที่ตัวแรก Agfa Vista 400 หลายคนชอบโทนสีของฟิล์มตัวนี้มาก ให้โทนสีที่สด ถ่ายในวันแดดจัด บอกเลยว่าสวยมาก ตอนนี้ใครมีตัวนี้อยู่ต้องรีบกอดไว้แน่น ๆ เลยค่ะ เพราะทางบริษัทเค้าประกาศเลิกผลิตแล้ว ทำให้ราคาสูงขึ้น ใครอยากได้ต้องออกตามหากันหน่อยจ้า
เหมาะกับ : ชอบ Contrast จัด สีสันสมจริง
เหมาะกับแนว : Portrait, Street
ราคา : 250-300 บาท (36 รูป เฉลี่ยรูปละ 7.5 บาท)
Cine Still 800

ฟิล์มระดับโปรที่ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีเยี่ยม Cine Still 800 ด้วยความที่ ISO สูงมาก ไม่แปลกเลยค่ะที่จะถ่ายในที่มืดได้ดี แต่อาจจะต้องระวังในที่แสงจัดสักหน่อย เพราะมีความเสี่ยงที่รูปจะเสียได้ แต่ถ้าเอาไปถ่ายคนล่ะก็ ผิวเนียบกริบ ถ่ายไฟกลางคืน หรือในสตูดิโอ ได้รูปสวยแน่นอน ใครมองหาฟิล์ม ISO สูง ถ่ายตอนกลางคืนต้องตัวนี้เลยจ้า
เหมาะกับ : ถ่ายในที่มืด หรือที่มีแสงไฟนีออน
เหมาะกับแนว : Portrait, Lighting, Studio
ราคา : 450-480 บาท ( 36 รูป เฉลี่ยรูปละ 13.4 บาท)
Kodak Color Plus 200

ฟิล์มติดกระเป๋า Kodak Color Plus 200 ที่อยู่คู่กับเรามานานแสนนาน ในยามที่เรางบน้อย ให้นึกถึงฟิล์มตัวนี้เลยค่ะซิส ราคาเบา ๆ จะใช้ในยามแก้ขัด หรือใช้ถ่ายจริงจังก็ยังไหว ใช้ได้ดีในยามแดดจัด สีอาจจะติดเหลืองไปสักหน่อย แต่ถ้าเทียบกับราคาแล้ว ถือว่าเป็นพระเอกตลอดกาลได้เลย
เหมาะกับ : ถ่ายตอนกลางวัน ในที่แสงเยอะ ๆ
เหมาะกับแนว : Portrait, Landscape, Street
ราคา : 100-130 บาท (36 รูป เฉลี่ยรูปละ 3.6 บาท)
Kodak Ektar 100

ฟิล์มเกรดโปรอีกหนึ่งตัว Kodak Ektar 100 ที่ทางค่ายเคลมมาเลยว่าเป็นฟิล์มที่ให้เกรนละเอียดที่สุดในตอนนี้ ซึ่งก็จริงอย่างที่เค้าว่าเลย เพราะถ่ายออกมาแล้วรูปดีเหลือเกินค่ะคุณ ยกให้เป็นงานดีงานละเอียดเลยก็ว่าได้ เหมาะกับวันที่แเดดจัด ต้องสีสันจัดจ้าน ถ่ายคนก็ผิวเนียนสวยเหลือเกินจ้า
เหมาะกับ : Contrast จัด เกรนละเอียด โทนอมฟ้า
เหมาะกับแนว : Portrait, Landscape, Street
ราคา : 240-270 บาท (36 เฉลี่ยรูปละ 7.5 บาท)
Kodak Portra 160

Kodak Portra 160 ให้โทนสีที่สวยสมจริง บอกเลยว่างานละเอียดไม่แพ้ตัวอื่น ให้ ISO 160 มาแปลกกว่าตัวอื่น ใช้ถ่ายได้ในแสงทั่วไปเลย ให้ความรู้สึกภาพที่นุ่ม ๆ แต่ยังคงความสีจัด และแสงไม่แข็งจนเกินไป เป็นอีกหนึ่งตัวที่ถ่ายอะไรก็ออกมาสวยหมด
เหมาะกับ : Contrast จัด เกรนละเอียด โทนอมฟ้า
เหมาะกับแนว : Portrait ,Landscape, Street
ราคา : 240-270 บาท (36 รูป เฉลี่ยนรูปละ 7.5 บาท)
Kodok Portra 400

Kodok Portra 400 งานละเอียดคล้ายกันกับ Kodak Portra 160 ต่างกันที่ ISO นั่นเอง ทำให้เจ้าตัวนี้สามารถถ่ายในที่มืดได้ดีกว่า ถ้านำไปถ่ายคนสีผิวที่ได้จะออกอมชมพูอยู่บ้าง เหมาะกับการถ่ายแฟชั่น หรืองานสำคัญ
เหมากับ : Contrast จัด เกรนละเอียด โทนอมฟ้า
เหมาะกับแนว : Portrait, Landscape, Street
ราคา : 240-270 บาท (36 รูป เฉลี่ยรูปละ 7.5 บาท)
Lomography 100

งานสีสดต้องมาค่ะ Lomography 100 ใครชอบสีสด บอกเลยว่าเจ้าตัวนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน ISO เหมาะกับถ่ายในวันที่แดดจัด ให้สีสวย แต่ไม่จัดจนเกินไป ยังคงความนุ่มและสบายตาอยู่ เหมาะกับการถ่ายคนหรือถ่ายแฟชั่น
เหมาะกับ : สีสันจัดจ้าน ถ่ายในวันที่มีแดดจ้า
เหมาะกับแนว : Portrait, Street
ราคา : 170-200 บาท (36 รูป เฉลี่ยรูปละ 5.5 บาท)
Lomography 400

เขยิบมาที่ ISO สูงขึ้นมาหน่อย Lomography 400 ให้สีที่จัดเหมือนกัน ด้วยความที่ ISO สูงขึ้นทำให้ถ่ายได้ทั้งวันที่มีแสงจ้า ไปจนถึงสภาพแสงเย็น ๆ ไปถึงมืดได้ ให้ภาพที่สีชัด คมสวย และแสงในภาพที่ได้ก็ไม่แข็งจนเกินไป
เหมาะกับ : สีสันจัดจ้าน ถ่ายในวันที่มีแดดจ้า
เหมาะกับแนว : Portrait, Street
ราคา : 190-240 บาท (36 รูป เฉลี่ยรูปละ 6.7 บาท)
Lomography 800

ฟิล์มอีกหนึ่งตัวที่มี ISO ที่สูง Lomography 800 ทำให้สามารถถ่ายกลางคืนได้ และยังให้สีสันจัดจ้านตามสไตล์ Lomo ถ่ายตอนกลางวันก็สวย ถ่ายตอนกลางคืนก็รอด ใครกำลังมองหาฟิล์มไปถ่ายงานกลางคืน หรืองานคอนเสิร์ต บอกเลยว่าตัวนี้ก็ดีไม่แพ้กัน
เหมาะกับ : ถ่ายในที่แสงน้อย สไตล์ Lomo
เหมาะกับแนว : Portrait, Street
ราคา : 240-260 บาท (36 รูป เฉลี่ยรูปละ 7.3 บาท)
Fuji Japan 100

อีกหนึ่งฟิล์มในดวงใจของใครหลายคน Fuji Japan 100 บอกเลยว่าให้โทนสีที่สวยมาก ไม่ว่าจะถ่ายที่ไหน ก็ทำให้ภาพของเราเหมือนถ่ายที่ญี่ปุ่นไปซะหมด ใครที่ยังไม่ได้ลองเล่น ต้องหามาลองเล่นแล้ว ถ่ายในสภาพแสงจ้าได้ดี แต่ถ้าแสงน้อยต้องระวังภาพเบลอ จะถ่ายคน ถ่ายวิวก็สวยหมดจ้า
เหมาะกับ : ถ่ายกลางวัน โทนอมเขียว ฟีลญี่ปุ่น
เหมากับแนว : Portrait, Landscape , Natural
ราคา : 150-190 บาท (36 รูป เฉลี่ยรูปละ 5.3 บาท)
Fuji Pro 400 H

อีกหนึ่งฟิล์มในดวงใจของใครหลายคน Fuji Japan 100 บอกเลยว่าให้โทนสีที่สวยมาก ไม่ว่าจะถ่ายที่ไหน ก็ทำให้ภาพของเราเหมือนถ่ายที่ญี่ปุ่นไปซะหมด ใครที่ยังไม่ได้ลองเล่น ต้องหามาลองเล่นแล้ว ถ่ายในสภาพแสงจ้าได้ดี แต่ถ้าแสงน้อยต้องระวังภาพเบลอ จะถ่ายคน ถ่ายวิวก็สวยหมดจ้า
เหมาะกับ : ถ่ายกลางวัน โทนอมเขียว ฟีลญี่ปุ่น
เหมากับแนว : Portrait, Landscape , Natural
ราคา : 150-190 บาท (36 รูป เฉลี่ยรูปละ 5.3 บาท)
Fuji Pro Image100

สาว ๆ ที่อยากได้รู้เหมือนจริง ตามสไตล์ Kodak ต้อง Fuji Pro Image100 เลยค่ะ รูปที่ออกมา โทนจะออกญี่ปุ่น ๆ หน่อย ภาพโทนนี้กำลังมาเลยค่ะ เชื่อได้เลยว่าถ่ายออกมาจะต้องโดนใจมาก ๆ เลยค่ะ
เหมาะกับ : ถ่ายทั่วไป แสงเยอะ ให้เกรนละเอียด
เหมากับแนว : Portrait
ราคา : 140-170 บาท (36 รูป เฉลี่ยรูปละ 4.8 บาท)
เป็นอย่างไรกันๆบ้างคะกับ 12 โทนสีฟิล์มที่เรานำมาแชร์กัน บอกเลยว่าสวยและน่าลองทุกตัวเลย แต่การจะถ่ายภาพฟิล์มให้สวยและถูกใจเรามากที่สุด เราควรเลือกโทนสีให้เหมาะสมกับสิ่งที่เราต้องการจะถ่าย เพราะฟิล์มบางชนิดถ่ายคนได้สวยมาก แต่กลับถ่ายวิวได้ไม่ดีนัก และที่สำคัญอย่าลืมเลือก ISO ให้เหมาะสมกับสภาพแสงที่เราต้องการถ่ายด้วยนะคะ เท่านี้เราก็จะได้ภาพฟิล์มที่สวยถูกใจเราที่สุด Wongnai Beauty ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการถ่ายภาพฟิล์มนะคะ :)
อ่านบทความเกี่ยวกับฟิล์มต่อได้ที่ ..