ตำนานเทพแห่งดวงจันทร์ของแต่ละประเทศ
  1. ตำนานเทพแห่งดวงจันทร์ของแต่ละประเทศ

ตำนานเทพแห่งดวงจันทร์ของแต่ละประเทศ

ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อคนเราทั้งทางวิทยาศาสตร์และโหราศาตร์ แถมมีความเชื่อเกี่ยวกับเทพแห่งดวงจันทร์กระจายอยู่ทั่วโลกอีกด้วย
writerProfile
13 ก.ย. 2022 · โดย

ในทางวิทยาศาสตร์ ดวงจันทร์มีผลต่อน้ำขึ้นน้ำลง ส่วนในทางโหราศาสตร์นั้น ดวงจันทร์จะเกี่ยวข้องกับลักษณะความเป็นผู้หญิง พลังงานลึกลับ การตื่นรู้ การรับพลังจากธรรมชาติ เซ้นส์สัมผัสต่าง ๆ รวมถึงมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของคน ในหลาย ๆ ประเทศก็มีเทศกาลไหว้พระจันทร์ เช่น จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และเวียดนาม เพื่อฉลองการเก็บเกี่ยวพืชผลกลางฤดู นอกจากเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว ก็ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเทพแห่งดวงจันทร์ กระจายอยู่ทั่วโลกอีกด้วย มาดูตำนานเกี่ยวกับเทพแห่งดวงจันทร์ของแต่ละประเทศกันดีกว่า

ตำนานเทพแห่งดวงจันทร์ของแต่ละประเทศทั่วโลก 

ตำนานเทพแห่งดวงจันทร์ของแต่ละประเทศทั่วโลก

เทพแห่งดวงจันทร์ของไทย - จันทรเทพบุตร

ความเชื่อของคนไทย ได้รับอิทธิพลมาจากฝั่งอินเดีย จันทรเทพบุตร เป็นเทวดานพเคราะห์องค์หนึ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นโดยพระอิศวร เกิดจากการนำนางอัปสร 14 องค์ บดเป็นผง ห่อผ้าสีขาวนวล ประพรมด้วยน้ำอมฤต แล้วเสกได้เป็นพระจันทร์ เพราะว่าห่อด้วยผ้าสีขาวนวล จันทรเทพบุตรจึงมีพระวรกายสีขาวนวล ทรงอาชาเป็นพาหนะ ทิศประจำ คือ ทิศตะวันออก ตามคติไทยจันทรเทพบุตร มี 2 กร ทรงดอกบัวและพระขรรค์เป็นอาวุธ สวมมงกุฎน้ำเต้า สวมอาภรณ์สีขาว ทรงเครื่องประดับด้วยเงินและไข่มุก ทรงม้าเป็นพาหนะ จะสังเกตได้ว่าจันทรเทพบุตร ถึงจะเป็นเทพเพศชาย แต่จะมีลักษณะที่เป็นเฟมินีน หรือมีสัญลักษณ์ของเพศหญิง เช่น สร้างมาจากนางอัปสร สีผิวขาวนวล รูปร่างอรชร ทรงเครื่องประดับอย่างไข่มุก และถือดอกบัว ซึ่งความเป็นเฟมินีน ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นของดวงจันทร์นั่นเอง นอกจากความเชื่อเกี่ยวกับจันทรเทพบุตรแล้ว ก็ยังมีความเชื่อที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีน อย่างเทพีฉางเอ๋อ เทพแห่งดวงจันทร์ ที่เป็นตำนานของวันไหว้พระจันทร์อีกด้วย

เทพแห่งดวงจันทร์ของญี่ปุ่น - สึคุโยมิ

เทพแห่งดวงจันทร์ของญี่ปุ่น ตามความเชื่อของศาสนาชินโต ชื่อว่าสึคุโยมิ หรือ สึคุโยมิ โนะ มิโคโตะ ซึ่งคำว่า “สึคุ” ก็คือคำเดียวกับคำว่า “เดือน” นั่นเอง ตำนานของสึคุโยมินี้ เชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากอิซานางิ พระเจ้าผู้สร้างดินแดน ได้ขึ้นจากนรกภูมิมาชำระบาปที่แม่น้ำ และได้เกิดขึ้นเป็น “อามาเทราสึ” เทพีดวงอาทิตย์ เกิดจากตาข้างซ้าย “ซีคุโยมิ” เทพแห่งดวงจันทร์ เกิดจากตาข้างขวา “ชูชาโนโอะ” เทพแห่งพายุและท้องทะเล เกิดขึ้นจากจมูกของอิซานางิ ซึ่งตามตำนานก็เล่าว่าสึคุโยมิ แต่งงานกับอามาเทราสึ เทพีแห่งดวงอาทิตย์ (บางตำนานก็ว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน) มีอยู่วันหนึ่งที่อุเคะ โมจิ เทพีแห่งอาหารได้จัดงานเลี้ยงขึ้น และเชิญอามาเทราสึ เทพีแห่งดวงอาทิตย์ไปร่วมงาน แต่อามาเทราสึได้ส่งสึคุโยมิผู้เป็นสามีไปแทน สึคุโยมิได้ไปร่วมงาน และเห็นเทพีแห่งอาหาร จัดอาหารในงานเลี้ยงด้วยชิ้นส่วนร่างกายของเธอ ทำให้สึคุโยมิรู้สึกขยะแขยง และโกรธมาก จึงฆ่าอุเคะ โมจิทิ้ง พอฝ่ายอามาเทราสึที่เป็นภรรยารู้ข่าว ก็โกรธมาก ๆ และไล่ตามสามี แต่ก็ไม่สามารถตามจับได้ เหมือนกับเป็นคำสาป และการที่อามาเทราสึ เทพีแห่งดวงอาทิตย์ และสึคุโยมิ เทพแห่งพระจันทร์วิ่งไล่จับกันนั้น ก็ทำให้เกิดกลางวันและกลางคืนจบจนทุกวันนี้นั่นเอง

เทพแห่งดวงจันทร์ของจีน - ฉางเอ๋อ, เย่วโหลว

เทพแห่งดวงจันทร์ของจีนนั้นมีความเชื่อที่มีหลากหลายตำนานมาก ๆ ตำนานที่เป็นที่มาของวันไหว้พระจันทร์ จะเกี่ยวกับแม่นางฉางเอ๋อ ที่เป็นเทพีผู้หญิง เชื่อว่าเป็นเทพที่ประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ผู้คน และมีรูปลักษณ์ที่งดงาม วันไหว้พระจันทร์จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจีน ตำนานของฉางเอ๋อมีหลากหลายตำนาน บ้างก็ว่าฉางเอ๋อขโมยกินยาอายุวัฒนะและเหาะขึ้นไปอยู่บนพระจันทร์คนเดียว เพราะคนรักของเธอเป็นคนไม่ดี แต่อีกตำนาน ก็เล่าว่าฉางเอ๋อเป็นคนธรรมดา แม่ถูกเสือกัดตาย และในยุคที่มีพระอาทิตย์ 10 ดวง ทำให้น้ำแล้ง พ่อของฉางเอ๋อต้องสละน้ำกินที่มีอยู่น้อยนิดให้แก่ฉางเอ๋อ และตัวเองต้องขาดน้ำจนตาย เมื่อเง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์ได้ข่าวเกี่ยวกับอาเพศนี้ จึงให้โฮ้วอี้ลงมาที่โลกมนุษย์และใช้ธนูวิเศษยิงพระอาทิตย์ตกไป 9 ดวง ทำให้โลกเย็นลง และเกิดฝนตก อยู่มาวันหนึ่ง โฮ้วอี้ก็ได้เจอกับฉางเอ๋อวัยสาวสะพรั่ง และทั้งสองก็ตกหลุมรักกันและกัน ได้แต่งงานกัน จนกระทั่งเง็กเซียนฮ่องเต้เรียกตัวโฮ้วอี้กลับสวรรค์ แต่โฮ้วอี้ไม่ยอมกลับ และได้ไปเข้าเฝ้าเจ้าแม่ซีหวางหมู่ ที่เขาหุ่นหลุ่น จนได้ยาอายุวัฒนะมา โดยยาอยุวัฒนะต้องแบ่งกันกินในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เท่านั้น แต่ถ้ากินคนเดียวหมด จะทำให้ลอยขึ้นสู่สวรรค์ โฮวอี้มีฝีมือทางด้านธนูจึงมีลูกศิษย์มากมาย และมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง ที่ชื่อว่าเผิงเหมิง เป็นศิษย์ที่มีจิตใจชั่วร้าย เขาอยากได้ยาอายุวัฒนะนั้น จึงหลอกให้โฮวอี้ไปนอกเมือง และบังคับเอายาอายุวัฒนะจากแม่นางฉางเอ๋อ แต่แม่นางฉางเอ๋อไม่ให้ และตัดสินใจดื่มยาอายุวัฒนะนั้นทั้งหมดคนเดียว ทำให้ฉางเอ๋อลอยขึ้นไปบนสวรรค์และไปพักอยู่บนดวงจันทร์ที่สามารถมองดูโลกมนุษย์ได้นั่นเอง จากนั้นมา ผู้คนจึงบูชาพระจันทร์ เพื่อรำลึกถึงแม่นางฉางเอ๋อ และเป็นที่มาว่าทำไมต้องบูชาพระจันทร์ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ส่วนเย่วโหลว หรือเทพจันทรา เป็นความเชื่อของลัทธิเต๋า เป็นเทพแห่งด้ายแดงหรือเทพแห่งบุพเพสันนิวาสที่มีคนธรรมดาไปพบท่านครั้งแรกใต้แสงจันทร์ จึงถูกเรียกว่าเทพจันทรา หรือผู้เฒ่าจันทรานั่นเอง  

เทพแห่งดวงจันทร์ของกรีก - เซลินี, อาร์เทมิส

เทพีแห่งดวงจันทร์ของกรีกดั้งเดิมจะเป็นเทพีเซลินี หรือเซลินา เป็นพระธิดาของไททันไฮเพอร์เรียน และไททันธีอา เป็นพี่น้องของเฮริออส สุริยะเทพ และอีรอส เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ ตามความเชื่อของชาวโรมัน เทพีเซลินี จะเรียกว่าเทพีลูน่า หน้าที่ของเทพีเซลินี คือการลากรถม้าผ่านท้องฟ้าในทุก ๆ วันในเวลากลางคืน หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นชื่อเทพีเซลินีจากเรื่องราวความรักระหว่างเทพีเซลินีและเอนดิเมียน ที่เป็นชายเลี้ยงแกะ (บางตำนานก็เล่าว่าเป็นกษัตริย์รูปงาม) เซลินีที่ลากรถม้าผ่านทุก ๆ วัน ก็ได้แอบมองเอนดิเมียน และเกิดตกหลุมรักเข้า ขณะที่เอนดิเมียนกำลังนอนหลับอยู่ เซลินีก็ได้แอบเข้าไปหาและแอบแซ่บจนตั้งท้อง แต่การที่เทพกับมนุษย์จะลงเอยกัน มักเป็นเรื่องยาก เธอจึงไปขอซุส ให้เอนดิเมียนหลับไปชั่วนิรันดร์โดยไม่มีวันแก่เฒ่า โดยตำนานนี้ ก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับเรื่องเซเลอร์มูน ในเรื่องราวความรักระหว่างเจ้าหญิงเซเลนิตี้แห่งดวงจันทร์และเจ้าชายเอนดิเมียนนั่นเอง แต่ในตำนานสมัยใหม่ เซลินีถูกแทนที่ด้วยอาร์เทมิส ที่เชื่อว่าเป็นเทพีแห่งดวงจันทร์เช่นกัน

เทพแห่งดวงจันทร์ของอียิปต์ - คอนซู

คอนซู เป็นเทพแห่งดวงจันทร์และเป็นเทพที่คอยคุ้มครองคนเดินทางตามความเชื่อของชาวอียิปต์ เป็นเทพเพศชาย ที่มาของคำว่าคอนซูนั้น มาจากคำว่า Kenes ที่แปลว่าการเดินทาง เปรียบได้กับการที่พระจันทร์โคจรผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน ในขณะที่ลากราชรถผ่านท้องฟ้าแล้ว เทพคอนซู ก็ยังต้องทำหน้าที่อื่น ๆ เช่น การคอยปราบปรามสิ่งชั่วร้ายอีกด้วย ตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพคอนซู นอกจากจะเป็นเทพแห่งดวงจันทร์แล้ว ก็ยังเป็นต้นกำเนิดของตำนานที่มา ว่าทำไมใน 1 ปี มีเท่ากับ 365 วัน และตำนานข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์อีก โดยเรื่องราวของตำนานที่ว่านี้ เกิดจากที่เทพรา หรือเทพแห่งดวงอาทิตย์ สาปเทพีนุต ไม่ให้มีลูกภายใน 360 วัน เพราะกลัวว่าลูกของเทพีนุต จะมาล้มบัลลังค์ของตนเอง เทพีนุตจึงไปขอให้เทพธอธ เทพแห่งความรอบรู้ ให้ช่วยเหลือให้ตนได้มีลูก เทพธอธจึงไปพนันกับเทพคอนซูว่า ถ้าตนเองชนะ จะขอแบ่งแสงจากเทพคอนซูมา ท้ายที่สุดแล้ว เทพธอธก็ชนะ และได้แสงสว่างจากเทพคอนซูมา ซึ่งแสงสว่างนั้น สามารถส่องสว่างในเวลากลางวันได้นานถึง 5 วัน ทำให้มีวันเพิ่มขึ้น เป็น 365 วัน เทพีนุตก็สามารถมีบุตรได้ถึง 5 พระองค์จากการพนันนั้น และการที่เกิดข้างขึ้นข้างแรมของพระจันทร์ เนื่องจากเทพคอนซูเสียพลังงานไปมาก ทำให้พระจันทร์ไม่เต็มดวงทุกวันเพราะต้องชาร์จพลังงานแสงของตนเอง

เทพแห่งดวงจันทร์ของเมโสโปเตเมีย - ซิน

เทพซิน หรือเทพนันนา เป็นหนึ่งในเทพที่สำคัญที่สุดในวิหารแพนธีออนแห่งเมโสโปเตเมีย เป็นเทพผู้ปกครองเมืองเออร์ เป็นบุตรของเทพแห่งท้องฟ้า ที่ชื่อว่า Enlil และเทพธิดาแห่งธัญพืชที่ชื่อว่า Ninlil มีภรรยาชื่อว่า Ningal ให้กำเนิตบุตรี่ชื่อว่า Utu และ Ishtar ที่เป็นเทพแห่งดาวศุกร์ สัญลักษณ์ของเทพแห่งดวงจันทร์จะเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวคล้ายเขาสัตว์ หรือเขาวัว และเลข 30 ที่เป็นที่มาของจำนวนวันในหนึ่งเดือน พระจันทร์ตามความเชื่อของชาวสุเมเรียน นอกจากจะสื่อถึงความสมบูรณ์แล้ว ก็ยังมีความสำคัญในทางโหราศาสตร์อีกด้วย โดยดวงดาวหลักสามดวง ในทางโหราศาสตร์ที่ชาวสุเมเรียนนับถือ ได้แก่ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และดาวศุกร์ ซึ่งชาวสุเมเรียน ใช้ดวงจันทร์เป็นจุดศูนย์กลางของการทำนายในการโหราศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการทำนายฤกษ์ยาม หรือวันสำคัญเพื่อบวงสรวงต่าง ๆ ก็จะใช้ปฎิทินที่ยึดดวงจันทร์เป็นหลัก 

เทพแห่งดวงจันทร์ของแอซเท็ก - โคโยวัลกิ

ความเชื่อของชาวแอซแท็ก ที่มีต้นกำเนิดแถบแม็กซิโกในปัจจุบัน มีเทพแห่งดวงจันทร์ชื่อโคโยวัลกิ โดยชื่อ Coyolxauhqui แปลว่า "วาดระฆัง" เพราะว่ารูปวาดต่าง ๆ ของโคโยวัลกิ มักจะมีรูประฆังอยู่บนแก้ม ตำนานของ Coyolxauhqui จะค่อนข้างโหดร้ายอยู่ซักเล็กน้อย เพราะว่าโคโยวัลกิ วางแผนฆ่าแม่ของเธอ หลังจากที่แม่ของเธอไปท้องกับใครไม่รู้ แม่ของโคโยวัลกิ คือ Coatlicue ที่เชื่อกันว่าเป็นพระแม่ธรณีตามความเชื่อของชาวแอซเท็ก แม่ของโคโยวัลกินั้น เป็นคนที่เคร่งศาสนาและมีคุณธรรม วันหนึ่ง เธอกวาดลานวิหาร Coatepec อยู่และพบกับขนนกอันหนึ่ง เธอนำเอาขนนกนั้นมัดกับกระโปรงไว้และเธอก็ตั้งท้อง เหตุการณ์นั้นทำให้โคโยวัลกิวางแผนกับน้องชายทั้ง 400 คนของเธอในการฆ่าแม่ของตัวเอง เนื่องจากเกิดความรู้สึกอับอาย ทารกในครรภ์จึงบอกให้ Coatlicue รู้ตัว ว่านางกำลังจะถูกลูกของตัวเองรุมฆ่า เมื่อถึงวันที่ Coatlicue จะชะตาขาด ทารกในครรภ์ก็ออกมาเป็นเทพแห่งสงคราม ที่ชื่อว่า Huitzilopochtli และฆ่าตัดหัวของโคโยวัลกิ แล้วเหวี่ยงร่างลงภูเขา หัวของโคโยวัลกินั้นเกิดเป็นดวงจันทร์ และน้องชายทั้ง 400 คนของโคโยวัลกิ ก็กลายเป็นดวงดาว ส่วนเทพ Huitzilopochtli กลายเป็นดวงอาทิตย์ หลักฐานทางประวัติศาตร์ที่เกี่ยวข้องกับตำนานนี้ เป็นแผ่นหินรูปวงกลมเหมือนดวงจันทร์ที่เรียกว่า Coyolxauhqui Stone เป็นรูปสลักบนหินที่แสดงให้เห็นถึงชิ้นส่วนของโคโยวิลกิที่ถูกเทพ Huitzilopochtli ฆ่า

เทพแห่งดวงจันทร์ของไวกิ้ง - มานิ

มานิ ในภาษานอร์สโบราณแปลว่าดวงจันทร์ Mani เป็นพี่น้องกับ Sol เทพแห่งดวงอาทิตย์ เทพมานิเป็นเพศชาย ส่วนเทพแห่งพระอาทิตย์ตามความเชื่อของชาวนอร์สจะเป็นเพศหญิง ซึ่งคำว่า Mani ก็เป็นรากศัพท์ของคำว่า Monday นั่นเอง หน้าที่ของเทพแห่งดวงจันทร์ คือการลากราชรถผ่านท้องฟ้าในยามกลางคืน เหมือนกับความเชื่อของเทพประเทศอื่น ๆ ตำนานของมานิไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ตำนานจันทรคราส และสุริยะคราสของชาวไวกิ้ง เกิดจากสุนัขจิ้งจอกตัวใหญ่ที่ไล่กลืนกินพระจันทร์และพระอาทิตย์ ช่วงสงคราม Raknarok ถ้าหากว่าพระจันทร์และพระอาทิตย์ถูกกลืนกินจนมิด ก็จะมีพระจันทร์และพระอาทิตย์ดวงใหม่ขึ้นมาแทน และเป็นจุดสิ้นสุดของสงคราม ตามความเชื่อแบบคติชนชาวบ้าน พระจันทร์เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ สัญญาณในการเก็บเกี่ยวพืชพรรณ ความรัก และการแต่งงาน คล้ายกับประเทศอื่น ๆ 

จะเห็นได้ว่าเทพพระจันทร์ หรือตำนานเทพแห่งดวงจันทร์ของแต่ละประเทศ ต่างก็มีตำนานที่แตกต่างกันไป บ้างก็เป็นเพศหญิง บ้างก็เป็นเพศชาย ตามความเชื่อของแต่ละท้องที่ แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือเชื่อว่าดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ และมีผลต่อการเก็บเกี่ยวพืชผลของชาวบ้าน จึงมีการบวงสรวง หรือเทศกาลไหว้พระจันทร์ขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพืชผล และการเก็บเกี่ยวทางการเกษตร
ถ้าเพื่อน ๆ คิดว่าตำนานเกี่ยวกับดวงจันทร์ที่เอามาฝากวันนี้สนุก ก็อย่าลืมแชร์บทความนี้ให้เพื่อน ๆ คนอื่นอ่านด้วยนะ นอกจากบทความนี้แล้ว ก็ยังมีบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ ตามไปอ่านได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลย

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Reference :

Google Art & Culture. “พระจันทร์”. [Online] เข้าถึงได้จาก : https://artsandculture.google.com/entity/m0pg0q?hl=th สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565

อรรคภณ วชิรวัชร์, ชนิสรา สีรือแสง. 2020. “ศึกษาตำนานความเชื่อด้ายแดงแห่งโชคชะตาของชาวจีน”. [Online] เข้าถึงได้จาก : https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jsa-journal/article/download/241694/166332/848418#:~:text=ตานานเรื่องด้าย,กลับมาครองรักกัน สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565

Timeless Myths. 2022. “Tsukuyomi: Tragic Moon Deity in Japanese Mythology” [Online] เข้าถึงได้จาก : https://www.timelessmyths.com/gods/japanese/tsukuyomi/ สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565

Georgia van Raalte. 2022. “Selene, Greek Moon Goddess” [Online] เข้าถึงได้จาก : https://study.com/academy/lesson/selene-the-greek-moon-goddess-facts-lesson-quiz.html สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565

Ydalir.Ca. 2022. “NORSE GODS: MÁNI” [Online] เข้าถึงได้จาก : http://ydalir.ca/norsegods/mani/ สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565

New World Encyclopedia.org. 2022. “Sin (mythology)” [Online] เข้าถึงได้จาก : https://www.newworldencyclopedia.org/entry/sin_(mythology) สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565

World History.org. Mark Cartwright. 2016. “Coyolxauhqui” [Online] เข้าถึงได้จาก : https://www.worldhistory.org/Coyolxauhqui/ สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565