วงการทำเล็บ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวงการที่สาว ๆ มักจะพูดกันว่า เข้าแล้วออกยาก ใครได้ลองทำเล็บแล้ว ครั้งต่อ ๆ ไปก็อยากที่จะทำต่อ แต่ก่อนอาจจะเป็นแค่การทาเล็บปกติ หรือตะไบเพื่อตกแต่งเล็บ แต่เดี๋ยวนี้การทำเล็บมีการพัฒนาไปเยอะมาก ๆ เลยค่ะ ทั้งการต่อเล็บแบบต่าง ๆ หรือการทำลายเล็บแบบสามมิติที่ไม่เหมือนใคร วันนี้ Wongnai Beauty เลยจะพาสาว ๆ ที่รักในการทำเล็บ หรือคนที่เพิ่งจะก้าวขาเข้ามาในวงการนี้ ได้เจาะลึกเกี่ยวกับเรื่องเล็บ ๆ ที่ไม่เล็ก ทั้งการทาเล็บและการต่อเล็บแบบต่าง ๆ รวมไปถึงการเลือกลายเล็บอย่างไรให้เข้ากับผิว ดูมีออร่า ไม่รอช้าแล้วค่ะ ตามมาดูกันเลย

ความเป็นมาของการทำเล็บ
สาว ๆ สงสัยกันไหมคะว่า การทำเล็บมีความเป็นมาอย่างไร และใครเป็นคนเริ่มนำสีทาเล็บมาทามือเป็นกลุ่มแรก เราจะพาย้อนกันไปดูค่ะ ย้อนกลับไปในสมัยอียิปต์โบราณเมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อน สาว ๆ อียิปต์สมัยนั้นเป็นผู้เริ่มเทรนด์การทำเล็บขึ้นเป็นกลุ่มแรกของโลกเลยนะคะ โดยสาว ๆ จะใช้สีตามธรรมชาติมาทาบนเล็บ
จนต่อมาเทรนด์การทำเล็บก็มีให้เห็นอีกครั้งที่ประเทศจีน เมื่อประมาณ 600 ปีที่แล้ว โดยสาวจีนโบราณใช้การทำเล็บเป็นสัญลักษณ์ของการบ่งบอกสถานะทางสังคมของตัวเอง ด้วยการใช้ทองคำ เงิน และโลหะ มาทาเคลือบเล็บ และต่อมาช่วงต้นศตวรรษที่ 19 สาว ๆ อเมริกันก็ได้เริ่มเทรนด์การขัดเล็บเป็นทรงอัลมอนด์ให้เงางามอยู่ตลอด จนกระทั่ง สองพี่น้อง Joseph และ Charles Revsoni ผู้ก่อตั้งแบรนด์เครื่องสำอาง Revlon ได้พัฒนาจากสีอะคริลิกมาเป็นสีย้อม จนกลายมาเป็นสีทาเล็บให้เราได้ใช้กันในปัจจุบันค่ะ

รูปแบบของการทาเล็บ
หลัก ๆ แล้วการทาเล็บมีสองแบบค่ะ เป็นการทาสีเล็บแบบสีธรรมดาที่เราเคยทากันแต่ก่อน และอีกแบบคือการทาสีเล็บเจล ที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้เลยค่ะ ไปดูกันค่ะว่าสองแบบนี้ต่างกันอย่างไร และมีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง
การทาสีธรรมดา
การทาสีธรรมดา เป็นรูปแบบที่พบได้ทั่วไป ซึ่งสาว ๆ สามารถซื้อสีทาเล็บนำกลับมาทาเองได้ที่บ้าน ถ้าเราเบื่อแล้วก็สามารถล้างออกเองได้ด้วยน้ำยาล้างเล็บ ซึ่งสีทาเล็บในปัจจุบันก็ถูกพัฒนาให้มีสีแห้งเร็ว แต่มีกลิ่นฉุนเล็กน้อย แต่การทาเล็บแบบธรรมดามีข้อเสียคือสีลอกง่ายมากค่ะ และหากเลือกสีทาเล็บที่ไม่ได้มาตรฐานจะทำให้เล็บเหลืองได้ด้วย

การทาสีเล็บเจล
ส่วนการทาเล็บที่กำลังฮิตเลยในตอนนี้คือการทาสีเล็บแบบเจล ซึ่งการทาสีเล็บเจลจะให้ความทนทานกว่าทาสีเล็บแบบธรรมดา แต่จะใช้เวลาในการทำนานกว่าเพราะหลังจากทาสีเจลแล้วต้องอบด้วยแสง UV การทำเล็บประเภทนี้บ่อย ๆ ทำให้หน้าเล็บบางได้ เนื่องจากก่อนลงสีเจลจะต้องตะไบหน้าเล็บออกก่อนเพื่อให้เจลติดดี และเวลาจะเปลี่ยนสีหรือเพนต์ลายใหม่ ก็ต้องตะไบหน้าเล็บทุกครั้งด้วยค่ะ



การต่อเล็บ
สาว ๆ ที่เล็บมือสั้น หรือหน้าเล็บบาง แต่อยากให้เล็บยาวสวยพร้อมสำหรับการทาสีเล็บ สามารถต่อเล็บให้สวยได้ ซึ่งในปัจจุบันการต่อเล็บจะแบ่งชนิดตามวัสดุที่นำมาใช้ มีทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการต่อเล็บแบบ PVC การต่อเล็บแบบอะคริลิก และการต่อเล็บเจล เราไปดูกันค่ะว่าแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง

การต่อเล็บ PVC : เป็นการนำเล็บปลอมที่ทำจากพลาสติก แปะทับลงไปบนเล็บจริงโดยใช้กาวติด
ข้อดี : สามารถต่อด้วยตัวเองได้ สะดวกและรวดเร็ว, สามารถเลือกทรงและความได้ตามที่เราต้องการ , มีให้เลือกทั้งแบบเต็มเล็บและเฉพาะส่วนปลายเล็บ, สามารถทาทับด้วยทั้งสีธรรมดาและสีเจลแถมยังสามารถทำลวดลายแบบต่าง ๆ ได้ด้วย
ข้อแนะนำ : เตรียมเล็บให้ถูกวิธีและติดกาวให้ PVC แนบสนิทกับเล็บ, หลีกเลี่ยงการโดนน้ำหลังต่อเสร็จ, ไม่แนะนำให้ถอดเล็บโดยการดึงหรือแกะ เพราะหน้าเล็บอาจเกิดความเสียหาย
ความติดทน : อยู่ได้นาน 5-7 วัน
การต่อเล็บอะคริลิก : จะเหมาะกับคนที่อยากได้เล็บยาวตามที่ต้องการ
ข้อดี : -มีความแข็งแรงทนทาน เลือกทรงและความยาวได้ตามต้องการ, สามารถเติมโคนได้, ตะไบเนียนได้ (กรณีมีเวลาน้อย), ทาทับด้วยสีธรรมดาและสีเจลได้, ทำลวดลายได้ตามต้องการ, ลดอาการกัดเล็บได้, การเตรียมหน้าเล็บอย่างถูกวิธีช่วยลดการหลุดร่อน และการเกิดเชื้อรา
ข้อแนะนำ: แนะนำให้กลับมาเติมโคนละเช็คสภาพเล็บภายใน 3-4 สัปดาห์, ควรเติมโคนไม่เกิน 2 ครั้ง เพราะอะคริลิคที่ต่อครั้งแรกอาจเสื่อมสภาพ, ไม่ควรต่อเล็บติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ควรพักเพื่อบำรุงและฟื้นฟูเล็บ, ไม่แนะนำให้ถอดเล็บโดยการดึงหรือแกะ เพราะหน้าเล็บอาจเกิดความเสียหายได้ค่ะ
ความติดทน : อยู่ได้นานประมาณ 2 อาทิตย์
การต่อเล็บแบบเจล: การต่อเล็บแบบนี้เป็นการต่อที่เหมือนกับเล็บจริงสุด เหมาะกับสาว ๆ ที่เล็บสั้นหรือหน้าเล็บบางมาก ๆ
ข้อดี : มีความยืดหยุ่น ใกล้เคียงเล็บธรรมชาติ น้ำหนักเบา, ไม่มีกลิ่น, เติมโคนได้, ตะไบเนียนได้ (กรณีมีเวลาน้อย) ,ทาทับด้วยสีธรรมดาและสีเจลได้, ทำลวดลายได้ตามต้องการ, ลดอาการกัดเล็บได้, การเตรียมหน้าเล็บอย่างถูกวิธีช่วยลดการหลุดร่อน และการเกิดเชื้อราได้ค่ะ
ข้อแนะนำ: ไม่แนะนำให้ต่อยาว อาจเกิดการหักหรือฉีกได้, แนะนำให้กลับมาเช็คสภาพเล็บ และเติมโคนภายใน 3-4 สัปดาห์ ,สาว ๆ ควรเติมโคนไม่เกิน 2 ครั้ง เพราะเจลที่ต่อครั้งแรกอาจเสื่อมสภาพ, ไม่ควรต่อเล็บติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ควรพักเพื่อบำรุงและฟื้นฟูเล็บ, ไม่แนะนำให้ถอดเล็บโดยการดึงหรือแกะ เพราะหน้าเล็บอาจเกิดความเสียหายได้ค่ะ
ความติดทน : อยู่ได้นานประมาณ 2 อาทิตย์

วันนี้เราเอาตัวอย่างการต่อเล็บมาให้สาว ๆ ดูค่ะ จะเห็นได้ว่าก่อนต่อเล็บ เล็บดูสั้นมาก ๆ ถ้าทาสีเล็บหรือทำเล็บลายต่าง ๆ ก็จะออกมาไม่สวย จึงจำเป็นที่จะต้องต่อเล็บให้ยาวขึ้น ซึ่งหลังจากทำแล้ว เล็บดูสวยและทำลายออกมาดูดีมาก ๆ เลยค่ะ



โทนสีทาเล็บ ทาแล้วนิ้วขาวเรียว
มาค่ะสาว ๆ ผู้หญิงอย่างเรา ไม่ว่าจะมีผิวโทนไหน ก็สามารถทำเล็บให้ออกมาสวยได้ ซึ่งเราได้รวมโทนสีสำหรับทาเล็บ ให้ผิวเราดูผ่อง ออร่า และนิ้วก็ดูเรียวขึ้นด้วย
- โทนสีแดง อำพรางความหมองคล้ำของผิว : ยิ่งเป็นสาว ๆ ผิวขาวเหลืองสไตล์สาวเอเชียแล้วล่ะก็ยิ่งเหมาะเลยค่ะ เพราะผิวมือเราจะดูสว่างขึ้น
- โทนสีนู้ด ทาแล้วดูสะอาดตา : สาวผิวขาวเลือกสีทาเล็บโทนนู้ดแชมเปญหรือนู้ดสีเบจ ส่วนสาวผิวเข้ม ให้เลือกสีทาเล็บโทนนู้ดอมน้ำตาลหรือสีโกโก้
- โทนสีชมพู อวดนิ้วดูเรียวสวย : ผิวหมองคล้ำให้ทาเล็บสีชมพูสดใสอย่างช็อกกี้พิงก์จะดูออร่าขึ้น แต่ถ้าให้นิ้วดูเรียวยาว ให้ใช้สีทาเล็บชมพูอ่อน ๆ
- สีชิมเมอร์ จะช่วยขับผิวให้ดูสว่าง : เลือกสีทาเล็บที่มีชิมเมอร์เม็ดประกายขนาดเล็กและละเอียดจะดูหรูกว่าค่ะ

การดูแลเล็บหลังจากการทาเล็บ
สาว ๆ หลายคนเวลาทำเล็บมักจะไม่ค่อยดูแลรักษาหน้าเล็บ ทำให้หน้าเล็บพัง ทำเล็บครั้งต่อไปก็ต้องมาตะไบจนเล็บพังขึ้นไปอีก สาว ๆ ไม่ต้องกังวลค่ะเพราะว่าเราได้รวมวิธีดูแลเล็บหลังทาเล็บ ทำตามแล้วเล็บเรายังคงสวยอยู่แน่นอน จะมีวิธีไหนบ้าง มาดูกันค่ะ
- ทาครีมบำรุง : ควรทาครีมบำรุงเพื่อป้องกันเล็บแห้งเป็นประจำ
- ห้ามแกะสีเจลด้วยตัวเอง : ตัวเจลที่ค่อนข้างเหนียวอาจไปดึงผิวเล็บจนทำให้เล็บฉีก หรือเล็บบางลง
- พักเล็บ : ควรพักเล็บอย่างน้อย 1 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อให้เล็บได้ฟื้นฟูตัวเอง
- แช่เล็บ : วันละ 10 นาทีด้วยน้ำอุ่นผสมมะนาวและน้ำมันกลิ่นต่าง ๆ ตามชอบ
- นวดนิ้วมือ: เพื่อกระตุ้นเลือดลมและฟื้นฟูให้เล็บกลับมาแข็งแรงเร็วขึ้น

วันนี้ต้องขอขอบคุณข้อมูล ภาพสวย ๆ และเซอร์วิสทำเล็บดี ๆ จาก Chaba Nails มากนะคะ บอกได้เลยค่ะว่าที่นี่เป็นร้านทำเล็บที่สาว ๆ หลายคนยกให้เป็นร้านโปรดในดวงใจ เพราะว่านอกจากลายเล็บที่มีให้เลือกเยอะแล้ว ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากทางร้านก็นำเข้า คุณภาพปัง ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ นอกจากนี้ที่ Chaba Nails ก็ยังมีเซอร์วิสอื่น ๆ ให้สาว ๆ ได้เลือกใช้บริการอีกเยอะเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น สปามือ สปาเท้า ต่อขนตาแบบครบวงจร สาว ๆ คนไหนสนใจก็สามารถเข้าปรึกษา สอบถามข้อมูลและใช้บริการกันได้นะคะ ซึ่งตอนนี้ Chaba Nails มีหลายสาขามาก แต่วันนี้เราได้รวมสาขาของ Chaba Nails ที่อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า เดินทางสะดวกมาให้ได้ดูกัน
รวมร้านทำเล็บ Chaba Nails ใกล้รถไฟฟ้า
Chaba Nails สาขาสยามสแควร์วัน

สาว ๆ ที่เดินเล่นสยามเพลิน ๆ อยากหาร้านทำเล็บชิล ๆ สบาย ๆ มาที่ Chaba Nails สาขาสยามสแควร์วัน เลยค่ะ ซึ่งสาขานี้ตั้งอยู่ใน สยามสแควร์วัน ชั้น 6 สาว ๆ ที่สนใจเข้ามาใช้บริการ แนะนำให้โทรสอบถามคิวก่อนนะคะ
Tel : 02-115-1153
Chaba Nails สาขาสยามสแควร์ซอย 2

นอกจากสาขาสยามสแควร์วันแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสาขาที่อยู่ในละแวกสยาม หากสาขาแรกคิวทางร้านว่างไม่ตรงกับคิวเรา ก็สามารถมาใช้บริการกันได้ที่ Chaba Nails สาขาสยามซอย 2 ค่ะ
Tel : 02-658-1919
Chaba Nails สาขาเกษร วิลเลจ

อีกหนึ่งสาขาของ Chaba Nails คือ สาขาเกษร วิลเลจ สาขานี้ดูหรูหรามาก ๆ เลยค่ะ ซึ่งการเดินทางมาสาขานี้ก็ง่ายมาก ๆ เพราะว่าอยู่ติดกับ BTS ชิดลมเลยค่ะ ตั้งอยู่ชั้น L อาคารเกษร วิลเลจ ตรงข้ามกับเซ็นทรัลเวิลด์
Tel : 02-656-1022
Chaba Nails สาขาเซ็นทรัลพระรามเก้า

อีกหนึ่งสาขาที่ดูหรูหราไม่แพ้กัน นั่นก็คือ Chaba Nails สาขาเซ็นทรัลพระรามเก้า ค่ะ การเดินทางมาที่สาขานี้ก็ง่ายมาก ๆ ค่ะ สาว ๆ สามารถขึ้น MRT สถานีพระรามเก้า ซึ่งที่นี่อยู่ในเซ็นทรัลพระรามเก้าชั้น 5 ค่ะ
Tel : 02-004-1214
Chaba Nails สาขาไอคอนสยาม

ถึงแม้ว่าตอนนี้การเดินทางมาไอคอนสยามยังไม่ติดรถไฟฟ้า แต่ในอนาคตเมื่อรถไฟฟ้าสายสีทองเสร็จเดินทางมาสะดวกแน่นอนค่ะ แต่สาว ๆ สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาต่อ Shuttle Bus และ Shuttle Boat ได้นะคะ
Tel : 02-288-0040
Chaba Nails สาขาเซนทรัล พลาซ่า เวสต์เกต

สาว ๆ คนไหนอยู่ระแวกฝั่งนนทบุรีหรือใกล้เคียง Chaba Nsils สาขาเซนทรัล พลาซ่า เวสต์เกตก็มีให้บริการนะคะ สะดวกมาก ๆ เพราะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT สถานีบางใหญ่ก็ถึงเลยค่ะ ซึ่งร้านอยู่บริเวณชั้นสอง บรรยากาศร้านก็หรูหรามาก ๆ มาลองใช้บริการที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอนจ้า
Tel : 02-115-1716
เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับการพาไปเจาะลึกเรื่องเล็บ ๆ ที่ไม่เล็ก พร้อมทริคการเลือกโทนสีเล็บขับผิวให้ออร่า ที่ Wongnai Beauty รวบรวมมาให้สาว ๆ ดูกันในวันนี้ ครั้งหน้าเราจะพาไปเจาะลึกเรื่องอะไร คอยติดตามกันได้นะคะ
ดูบทความเจาะลึกเซอร์วิสเพิ่มเติมได้ที่