คนที่คิดจะเปิดร้านกาแฟ หลายคนอาจมีคำถามว่า “ควรเริ่มต้นเลือกเครื่องชงกาแฟแบบไหนดี?” เพราะ เครื่องชงกาแฟ มีหลากหลายรุ่น และราคาตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสน การเลือกผิดอาจทำให้เสียทั้งต้นทุน และคุณภาพกาแฟในร้าน ดังนั้นวันนี้ Wongnai POS จะพามาดู 4 วิธีเลือก เครื่องชงกาแฟ อย่างชาญฉลาด พร้อมแนวทางว่าถ้าอยากรู้ว่า เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี มีวิธีการเลือกยังไง และควรพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง

1ขนาดของเครื่องทำกาแฟ
ขนาดของเครื่องชงกาแฟขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน และการพิจารณาจากขนาดของธุรกิจของร้านก่อนจะตัดสินใจเลือกว่าจะใช้เครื่องชงกาแฟขนาดเท่าไร เครื่องชงกาแฟยี่ห้อไหน ถึงจะเหมาะกับร้านกาแฟของเรา
- งบประมาณ: เลือกที่เหมาะสมกับต้นทุนที่ตั้งไว้ ประมาณการว่าจะชงกาแฟปริมาณกี่แก้วต่อวัน และขายแก้วละเท่าไหร่ เราอาจจะไม่ต้องลงทุนเครื่องชงกาแฟที่สูงมากนัก เพราะระยะเวลาในการคืนทุนจะยาวนานตามไปด้วย
- จำนวนแก้วที่ชงต่อวัน: ขึ้นอยู่กับขนาดและความสามารถรองรับลูกค้าของร้าน ร้านกาแฟขนาดเล็กที่เสิร์ฟกาแฟไม่เกิน 50 แก้วต่อวันอาจเหมาะกับเครื่องชงแบบหัวเดียว ในขณะที่ร้านขนาดกลางถึงใหญ่ซึ่งมีลูกค้าจำนวนมาก และเน้นความเร็ว ควรเลือกเครื่องที่มีหัวชงหลายหัวเพื่อรองรับการทำงานต่อเนื่องได้ดีกว่า
- ขนาดของหม้อต้ม: หม้อต้มขนาดใหญ่จะช่วยให้คุณสามารถชงกาแฟได้อย่างต่อเนื่อง และยังช่วยรักษาอุณหภูมิของน้ำให้คงที่ได้ดีกว่า ทำให้ได้คุณภาพกาแฟที่สม่ำเสมอ
ตัวอย่างเครื่องชงกาแฟแบบไหนที่เหมาะกับร้านของเรา?

1. เครื่องชงกาแฟสำหรับร้านกาแฟขนาดเล็ก
สำหรับเจ้าของร้านกาแฟขนาดเล็ก มีงบประมาณและพื้นที่ใช้สอยจำกัด เสิร์ฟกาแฟไม่เกิน 50 แก้ว/ต่อวัน เราขอแนะนำเครื่องชงกาแฟรุ่น Ascaso Uno,1Gr ความพิเศษของเจ้าเครื่องนี้คือ ใช้งานได้ทั้งกาแฟบดและกาแฟฟ็อดส์ พร้อมอุปกรณ์ป้องกันความร้อน และมีหม้อต้มแบบทองเหลือซึ่งสามารถช่วยกระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึง แนะนำให้ใช้คู่กับเครื่องบดกาแฟรุ่น Ascaso i-1T Grinder ที่สามารถบดกาแฟได้ละเอียดถึง 700 รอบ/วินาที
คุณสมบัติเด่นของเครื่องชงกาแฟรุ่น Ascaso Uno,1Gr
- ใช้งานได้ทั้งกาแฟบด และกาแฟพ็อดส์
- มีอุปกรณ์ป้องกันความร้อนภายในเครื่องแบบอัตโนมัติ
- หม้อต้มเป็นแบบทองเหลืองช่วยกระจายความร้อนให้กาแฟได้อย่างทั่วถึง
- ถังบรรจุนํ้าขนาด 2 ลิตรสามารถถอดออกได้ ง่ายต่อการทำความสะอาด
- สวิตซ์คันโยกพร้อมแถบป้าย : เปิด-ปิด กาแฟ น้ำ และไอน้ำ
2. เครื่องชงกาแฟสำหรับร้านกาแฟขนาดกลาง-ใหญ่
เขยิบขึ้นมาสำหรับเจ้าของร้านกาแฟขนาดกลาง-ใหญ่ ที่มีพื้นที่ในการใช้สอยเยอะ มีจำนวนพนักงานมาก และสามารถรองรับลูกค้าได้จำนวนมาก เราขอแนะนำเครื่องชงกาแฟในฝันของบาริสต้าหลาย ๆ คน La San Marco 100 Touch ลาซานมาโก้ตำนานจากอิตาลี ข้อดีของเครื่องทำกาแฟรุ่นนี้คือ สามารถปรับแต่งและควบคุมอุณหภูมิแต่ละหัวชงได้อย่างอิสระ และเครื่องชงกาแฟประหยัดพลังงานอย่าง Ascaso Barista T Plus ความพิเศษสามารถลดการใช้พลังงานลงได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับเครื่องทำกาแฟรุ่นปกติทั่วไป
คุณสมบัติเด่นของเครื่องชงกาแฟ La San Marco 100 Touch
- ระบบการหมุนเวียนของน้ำทำงานร่วมกับระบบต้มกาแฟ (pre-infuser)
- ตัวปรับการไหล (flow-variator) สามารถปรับได้จากภายนอกตัวเครื่อง ทำให้ปรับแต่งอุณหภูมิของแต่ละหัวชงได้อย่างเป็นอิสระ อีกทั้งยังมีตัวช่วยควบคุมอุณหภูมิของน้ำและระบบเติมน้ำเข้าหม้อต้มอัตโนมัติ
- ปั๊มน้ำแบบโรตารี่ติดตั้งภายในตัวเครื่อง
คุณสมบัติเด่นของเครื่องชงกาแฟ Ascaso Barista T Plus
- ระบบหัวชงแบบ Thermodynamic สามารถปิด-เปิดแต่ละหัวชงได้อย่างอิสระ
- ระบบหม้อต้มแบบ Thermal Block ทำจากสแตนเลสอย่างดีช่วยประหยัดพลังงาน ลดคราบตะกรันและดีต่อสุขภาพ
- ก้านสตรีมเป็นระบบ Cool Touch
2การทำงานของเครื่องทำกาแฟ
ลักษณะการทำงานของ เครื่องชงกาแฟ ต้องตอบโจทย์เมนูและสไตล์การให้บริการของร้านคุณ ร้านกาแฟส่วนใหญ่ในปัจจุบันนิยมใช้ เครื่องชงกาแฟ แบบเอสเปรสโซ่ เพราะสามารถสกัดรสชาติที่เข้มข้น หอมกลิ่นกาแฟ และยังชงได้อย่างรวดเร็วต่อเนื่อง นอกจากนี้หลายรุ่นยังมีก้านสตีมนมสำหรับทำเมนูยอดฮิตอย่างคาปูชิโน่และลาเต้ได้อีกด้วย
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรคำนึงถึง
- เมนูที่ต้องการขาย: ร้านเน้นกาแฟดริป กาแฟโบราณ หรือกาแฟนมแบบ Specialty Coffee?
- ความเร็วในการให้บริการ: ร้านอยู่ในทำเลที่เร่งรีบหรือไม่? ลูกค้าต้องการความรวดเร็วแค่ไหน?
- กลุ่มเป้าหมายลูกค้า: ลูกค้าของคุณชอบดื่มกาแฟแบบใด?
3แบรนด์และแหล่งผลิตเครื่องทำกาแฟ
ชื่อเสียงของแบรนด์สำหรับเครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อต่างๆ ย่อมเป็นเครื่องการันตีความน่าเชื่อถือ และคุณภาพของเครื่องได้ในระดับหนึ่ง ควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบรนด์ให้ละเอียด
นอกจากนี้ แหล่งที่ผลิตเครื่องชงกาแฟ ก็มีผลไม่แพ้กัน เครื่องชงกาแฟ จากต่างประเทศอย่างอิตาลี สเปน หรือฝรั่งเศส มักเป็นที่นิยมเพราะขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพและวัสดุที่แข็งแรงทนทาน และยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ร้านกาแฟของคุณอีกด้วย
4การบริการหลังการขายของตัวแทนจำหน่าย
นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่เจ้าของร้านไม่ควรมองข้าม เครื่องชงกาแฟ มีการใช้งานหนักกว่าเครื่องทั่วไป และอาจเกิดการชำรุดได้ง่าย การบำรุงรักษาและซ่อมแซมจึงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เอง
ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันและบริการหลังการขายจากตัวแทนจำหน่ายให้ดี เช่น
- ระยะเวลารับประกัน
- บริการซ่อมบำรุง: มีช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้เซอร์วิส ไปดูแลเครื่องให้ถึงที่หรือไม่?
- อะไหล่: มีอะไหล่พร้อมเปลี่ยนทันทีหรือต้องรอนำเข้าจากต่างประเทศ?
- เครื่องสำรอง: มีบริการเครื่องสำรองให้ใช้ระหว่างรอซ่อมหรือไม่?
การมีบริการหลังการขายที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจของคุณไม่สะดุด หากเครื่องเกิดปัญหาในชั่วโมงเร่งด่วน คุณก็ยังสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อวางแผนเปิดร้านกาแฟ และกำลังมองหาเครื่องทำกาแฟ อย่าลืมพิจารณาถึงปัจจัยเหล่านี้ในการเลือกเครื่องทำกาแฟกันนะครับ เพราะการลงทุนซื้อเครื่องทำกาแฟครั้งหนึ่งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร ควรเลือกให้ดีและมองถึงการใช้งานในระยะยาวด้วยครับ
สำหรับใครที่กำลังก้าวสู่วงการธุรกิจกาแฟ
สำหรับใครที่กำลังก้าวสู่วงการธุรกิจกาแฟ มองหาร้านจำหน่ายเครื่องทำกาแฟคุณภาพดี ส่งตรงจากเมืองนอก เราขอแนะนำบริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าแบรนด์เครื่องทำกาแฟชั้นนำจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ประเทศ อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมันนี สเปน มีให้เลือกหลายแบรนด์หลายราคา พร้อมการรับประกันสินค้า บริการหลังการขายดีเยี่ยม หรือใครสนใจเวิร์คช็อปฟรีสำหรับผู้ที่อยากเปิดร้านกาแฟ โดยบอนกาแฟจะสอนตั้งแต่การคำนวณต้นทุนของเมนูกาแฟต่าง ๆ ไปจนถึงเทคนิคการใช้เครื่อง การทำเมนูกาแฟต่าง ๆ กดคลิกไปที่ “Boncafe” ได้เลยครับ
กดอ่านรายละเอียด Promotion เพิ่มเติมได้ที่นี่ ปรึกษาหรือสั่งซื้อผ่านทางเฟซบุ๊กได้อีกหนึ่งช่องทาง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โชว์รูมบอนกาแฟทั้ง 23 สาขาทั่วประเทศได้ที่นี่
ระบบ Wongnai POS พร้อมฟีเจอร์เสริม ตัวช่วยจัดการร้านกาแฟยุคใหม่
เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการร้านกาแฟของคุณให้เป็นไปอย่างราบรื่น Wongnai POS คือระบบ POS ร้านกาแฟที่ครบวงจรและตอบโจทย์ทุกความต้องการ และยังมีฟีเจอร์เสริมที่โดดเด่นมากมาย สำหรับร้านกาแฟโดยเฉพาะ ที่จะช่วยให้การจัดการร้านเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น เช่น
- Wongnai Order & Pay ช่วยให้ลูกค้าของร้านกาแฟสแกนสั่งและจ่ายเงินเองได้เลย ไม่ต้องต่อคิวรอสั่งกับพนักงาน พร้อมแจ้งเตือนผ่าน LINE ทันทีที่เครื่องดื่มพร้อมรับ ทำให้การบริหารจัดการคิวของร้านกาแฟประเภท Quick Service หรือคาเฟ่ที่มีลูกค้าหนาแน่น เป็นไปอย่างราบรื่น และรวดเร็ว
- ระบบแสดงลำดับคิว และอัปเดตสถานะออเดอร์ (Queue Display) เชื่อมต่อกับระบบ POS โดยตรง เมื่อรับออเดอร์กาแฟปุ๊บ เมนูจะไปแสดงบนจอทีวีทันที ช่วยให้พนักงานหน้าบาร์หมดห่วงเรื่องคิวออเดอร์ สามารถโฟกัสกับการทำงานส่วนอื่นได้อย่างเต็มที่ และลูกค้าก็รับรู้สถานะของเครื่องดื่มตัวเองได้ชัดเจน ลดการสอบถามและช่วยจัดการคิวคำสั่งซื้อหน้าร้านได้ดีขึ้น
- ระบบจัดการสมาชิก CRM ช่วยให้ร้านกาแฟเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแต่ละคนได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น เมนูกาแฟโปรด ความถี่ในการมาใช้บริการ หรือยอดใช้จ่าย เพื่อนำข้อมูลมาทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคล เช่น การมอบส่วนลดวันเกิด หรือโปรโมชั่นสำหรับเครื่องดื่มที่ลูกค้าชื่นชอบ อีกทั้งยังช่วยเปลี่ยนลูกค้าขาจรให้กลายเป็นลูกค้าประจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เครื่อง EDC ที่รองรับการรับชำระครอบคลุมทุกรูปแบบ ทั้งบัตรเครดิต และบัตรเดบิต LINE Pay พร้อมเพย์ และ e-wallet ชั้นนำมากมาย เช่น Wechatpay และ Alipay เป็นต้น เพื่อที่จะขยายฐานลูกค้าให้รองรับลูกค้าชาวต่างชาติได้ด้วย และช่วยยังมีส่วนเพิ่มยอดขายต่อบิลให้มากขึ้น
หากคุณกำลังมองหาระบบ POS ที่ครบจบในเครื่องเดียว Wongnai POS พร้อมช่วยให้การจัดการร้านของคุณง่ายขึ้น พร้อมเชื่อมต่อทุกช่องทางการชำระเงิน ใช้งานง่าย และเหมาะกับร้านอาหารทุกรูปแบบ
สนใจลงทะเบียน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้เชี่ยวชาญ 👉🏻 คลิกเลย!

ติดตามบทความเกี่ยวกับธุรกิจร้านกาแฟ และร้านอาหารเพิ่มเติม
- 5 เทคนิคโปรโมทร้านกาแฟให้รุ่ง พิชิตใจลูกค้าได้เพียบ!
- "เปิดร้านกาแฟ" ลงทุนอย่างไรให้รอด วางแผน และจัดการการเงินให้เป็นระบบ
- เปิดร้านกาแฟ-คาเฟ่ทั้งที เลือกทำเลยังไงให้ไม่พลาด? ขายดีไม่มีหยุด
- เปิดร้านกาแฟอย่างไรให้รุ่ง หากลุ่มลูกค้าที่ใช่ ด้วย Wongnai POS CRM
- เปิดคาเฟ่ ลงทุนเท่าไหร่? เปิดแผนธุรกิจร้านกาแฟ คืนทุนไว กำไรยั่งยืน


