วันตรุษจีนปี 2568 นี้ตรงกับวันพุธที่ 29 มกราคม 2568 ถือเป็นวันสำคัญมาก ๆ ของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนค่ะ หรือถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่ายคือวันขึ้นปีใหม่ของจีนนั่นเอง ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ก็จะคล้าย ๆ กับปีใหม่ของไทยเลย เป็นวันรวมญาติ เยี่ยมเยียนผู้ใหญ่ และเด็ก ๆ ก็จะได้รับ "อั่งเปา" เป็นของขวัญ แน่นอนว่าในวันสำคัญแบบนี้ เขาก็มีข้อห้ามและธรรมเนียมที่สืบต่อกันมาหลายอย่างในวันตรุษจีน วันนี้ Wongnai Beauty จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสิ่งที่ควรทำ รวมไปถึงข้อห้ามในวันตรุษจีนกันค่ะ ตรุษจีน ห้ามทำอะไร และตรุษจีนทำอะไรบ้าง แต่ก่อนที่เราจะไปรู้สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในวันตรุษจีน เราไปรู้ ที่มาของวันตรุษจีน กันก่อน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยยยย
ประวัติวันตรุษจีน
จริง ๆ แล้วที่มาของวันตรุษจีน เกิดขึ้นจากความตั้งใจของคนจีนที่จะฉลองฤดูใบไม้ผลิกัน เพราะก่อนวันตรุษจีน ประเทศจีนจะปกคลุมด้วยหิมะ ทำเกษตรลำบาก ชาวบ้านทำมาหากินยากมาก ๆ พอเข้าช่วงใบไม้ผลิก็จะกลับมาปลูกพืชได้เหมือนเดิม เลยมีการกำหนดวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ ให้เป็นวันตรุษจีน โดยวันนั้นชาวจีนก็จะมีการทำพิธีกรรมเสริมความมงคลกันด้วย
ทั้งพิธีกรรมประเพณีวันตรุษจีน จะอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างในวันตรุษจีน ตั้งแต่เสื้อผ้า อาหารมื้อเช้ายันเย็น ที่มีทั้งอาหารทะเลและของนึ่ง โดยในอาหารก็จะมีความหมายด้วยนะคะ
อาหารเสริมมงคลวันตรุษจีน
Source : 1
1. ปลา : ความอุดมสมบูรณ์ ไก่สำหรับความก้าวหน้า
2. กุ้ง : ความรุ่งเรือง ความเจริญ
3. เส้นหมี่ : ชีวิตที่ยืนยาว ยั่งยืน ห้ามตัดเส้นหมี่เด็ดขาด
4. เต้าหู้ : ความร่ำรวย และความสุข
5. เกาลัด : เงิน ความก้าวหน้า และความร่ำรวย
6. เค้กข้าว : ความเจริญก้าวหน้าในการทำงาน
7. เกี๊ยว : ความร่ำรวย มีเงินทอง และความมั่งคั่ง
8. สาหร่าย : การมีเงินทองไหลมาเทมา เฮง ๆ
รู้ประวัติวันตรุษจีนกันคร่าว ๆ ไปแล้ว ถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องรู้ประเพณีเรื่องที่ควรทำและไม่ควรทำในวันตรุษจีนกันค่ะ เพื่อความเฮงและความมงคล เสริมดวงในวันตรุษจีนให้ปัง! ให้เฮง รับปีเสือแบบฉุดไม่อยู่ มาค่ะ ไหนดูซิวันตรุษจีน ต้องทำอะไรบ้างงง
10 สิ่งที่ควรทำ VS ไม่ควรทำใน "วันตรุษจีน"
ควรไหว้รับ "ไฉ่ซิงเอี๊ย" : ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า "ไฉ่ซิงเอี๊ย" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ และเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมีการทำพิธีรับเทพเปรียบได้เหมือนกับการทำพิธีรับโชคลาภของชาวจีน ซึ่งโดยทั่วไปเค้าจะทำพิธีกันช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันตรุษจีนนั่นเอง
ไม่ควรทำความสะอาดบ้าน : วันตรุษจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" วันชิวสี่ เป็นวันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน ซึ่งปกติจะแบ่งเป็นวันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่ เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดสิ่งมงคลทิ้งไป ฉะนั้นส่วนใหญ่คนมักจะทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดเช็ดถูครั้งใหญ่ก่อนเข้าสู่วันปีใหม่ เพื่อที่พอวันปีใหม่มาถึงเค้าจะงดทำความสะอาดบ้าน เพราะเชื่อว่าจะทำให้ทำงานหนักไปทั้งปี และเป็นการกวาดโชคลาภอออกจากบ้านอีกด้วย ถ้าบ้านใครสกปรกมาก ๆ จนทนไม่ไหวสามารถแก้เคล็ดด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนก็ได้ค่ะ
ควรใส่เสื้อผ้าสีสันสดใส : แน่นอนว่าวันมงคลอย่างวันตรุษจีนชาวจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ หรือไม่ก็ใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส เพราะคนจีนเชื่อว่าการใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสจะทำให้มีแต่สิ่งดี ๆ สิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในปีนี้ด้วย โบราณว่าไว้ว่า "จะถูกจะแพง ก็แดงไว้ก่อน" เพราะ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล จะได้รับทรัพย์มั่งคั่งกันตลอดปี
ไม่ควรใส่ชุดสีขาว-สีดำ : เพราะสีขาวกับสีดำไม่เป็นมงคลต่อวันตรุษจีน เหมือนใครใส่แล้วจะเป็นลางไม่ดี เพราะสีขาว-ดำเป็นสีของการไว้ทุกข์ ใช้ในงานไม่มงคลเท่านั้น ตรุษจีนต้องใส่ชุดสีแดงหรือสีสันสดใสเท่านั้น ฟาด ๆ ไปเลย!
ควรไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ : ในวันตรุษจีนชาวจีนต้องไหว้เจ้า หรือไหว้บรรพบุรุษ เราจะเรียกว่าวัน "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากไหว้เจ้าในบ้าน หรือตีจูเอี๊ยะ และไหว้บรรพบุรุษ จากนั้นในตอนเที่ยงจะมีการไหว้ผีไม่มีญาติ ซึ่งอาหารที่ไหว้มีทั้งของคาว อย่างพวกเป็ด ไก่ และของหวานอย่างพวกผลไม้ 5 อย่าง จะมากจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้เลย ในสมัยนี้ก็มีการไหว้ด้วยไก่และเป็ดย่าง จากร้านเฟรนไชส์ ไหว้เสร็จแล้วหลาน ๆ จะได้มานั่งกินร่วมกันด้วย
ไม่ควรเข้าห้องนอนคนอื่น : ในวันรวมญาติแบบนี้ ส่วนใหญ่จะมานอนรวมกันที่ห้องนั่งเล่น เพื่อคุยกันและถามสารทุกข์สุขดิบ ใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้ได้มากที่สุด และมีความเชื่อว่าไม่ควรเข้าห้องนอนคนอื่น เพราะจะทำให้โชคร้าย นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าลูกสาวที่แต่งงานแล้ว ห้ามไปเยี่ยมในวันแรก ต้องไปเยี่ยมในวันที่สองของเทศกาล เชื่อว่าจะนำโชคร้ายมาให้พ่อแม่เหมือนกัน แต่เป็นความเชื่อที่ค่อนข้างโบราณแล้ว สมัยนี้อาจจะไม่ค่อยถือกันเท่าไหร่
ควรอวยพรให้แก่กัน : ไหน ๆ ก็ได้มาอยู่กับครอบครัวกันแบบพร้อมหน้า รับเทศกาลปีใหม่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ก็ต้องอวยพรให้แก่กัน ให้ตลอดทั้งปีพบเจอแต่สิ่งดี ๆ แผ่พลังงานบวกได้ง่าย ๆ ด้วยการอวยพรว่า “ซิงเจียหยู่อี่ ซิงนี้ฟาไฉ” ขอให้สมปรารถนา มีแต่ความสุขและร่ำรวยตลอดปี
ไม่ควรพูดคำหยาบ : ในวันตรุษจีนคนจีนเชื่อว่าเราต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่ทะเลาะกับอื่น ไม่อารมณ์เสียตลอดทั้งวัน หากใครทำได้จะทำให้ปีนั้นตลอดทั้งปีพบเจอแต่ความสุข เพราะการพูดคำหยาบเป็นพลังงานลบที่นอกจากจะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวแล้ว ยังทำให้เสียบรรยากาศในวันรวมญาติอีกด้วย
ควรไหว้ขอพรผู้ใหญ่ด้วยส้ม 4 ผล : ส้มนั้น ถือเป็นผลไม้มงคล เพราะสัญลักษณ์ของทองและความโชคดี การยื่นส้มก็เหมือนยื่นความโชคดีให้คนอื่น ตามธรรมเนียมวันตรุษจีน ทุกคนจะต้องเอาส้ม 4 ผล ไปไหว้ขอพรผู้ใหญ่ โดยเจ้าบ้านจะรับส้มมา 2 ผล และนำส้มในบ้านของตัวเองวางคืนให้กับแขก 2 ผลเป็นอันเสร็จ
ไม่ควรซื้อรองเท้าคู่ใหม่ หรือซื้อหนังสือ : คำว่ารองเท้าในภาษาจีน ออกเสียงว่า Hai คล้าย ๆ กับเสียงถอนหายใจ และคำว่าหนังสือ 书 / shū พ้องเสียงกับคำว่า 失去 / shīqù ที่แปลว่าสูญเสีย ถือว่ามีความหมายไม่มงคล ห้ามทำเด็ดขาด ถ้าไม่อยากโชคร้ายหรือมีเรื่องสูญเสีย
ควรรับอั่งเปา : สิ่งที่ทุกคนรอคอยสำหรับวันตรุษจีนก็คือซองแดง ๆ ที่มาพร้อมกับเงินขวัญถุง หรือจะเรียกให้คุ้นปากว่า "อั่งเปา" ก็ได้ค่ะ แน่นอนว่าตามมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้" เป็นการอวยพรผู้ให้ก่อนรับซองแดงนั่นเอง แต่สำหรับใครที่อายุเกินแล้ว ก็อาจจะต้องเป็นคนมอบซองอั่งเปาแทน
ไม่ควรให้ใครยืมเงิน : หากใครให้คนอื่นยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ตลอดทั้งปีมีแต่คนมายืมเงิน ฉะนั้นถ้ามีใครมายืมเงินให้ปฏิเสธไปเลยว่ามีแต่ไม่ให้ยืมจ้า ห้ามพูดว่าไม่มีเงินในวันตรุษจีนด้วยนะ เพราะถือว่าไม่เป็นมงคล ต้องบอกว่า "มีเงิน แต่ไม่ให้"
ควรติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่ : สมัยก่อนคนจีนที่พอมีความรู้เค้าจะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง เวลาเขียนเค้าจะใช้หมึกดำหรือหมึกทอง เขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง หากใครไม่มีความรู้ด้านภาษาจีนก็สามารถจ้างมืออาชีพมาเขียนให้ก็ได้ ซึ่งแหล่งที่จะหาคนเขียนได้ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง คำอวยพรที่นิยมเขียนกันประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน ส่วนมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะก็เอาไปติดตามประตูบ้านทั้งสองข้าง และมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก ซึ่งแผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" มีความหมายว่า เข้า-ออกอย่างปลอดภัย นอกจากนี้คนจีนยังนิยมเอาภาพเด็กผู้หญิง เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" มาติดบริเวณประตูบ้านเพราะถือว่าเป็นรูปมงคลของจีน
ไม่ควรซักผ้า : คนจีนเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งสายน้ำเกิดในวันตรุษจีน การซักผ้าหรือใช้น้ำถือเป็นการลบหลู่เทพเจ้าแห่งสายน้ำนั่นเอง และน้ำก็ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง การที่ซักผ้าแล้วเทน้ำ ก็เหมือนเป็นการเทความมั่งคั่งออกไปนั่นเอง ถ้าจะซักผ้า ต้องซักก่อน หรือซักหลังจากวันที่ 2 เป็นต้นไป
กินอาหารมงคลกับครอบครัว : สิ่งที่สำคัญอีกอย่างในวันตรุษจีนคือวันนัดรวมญาติ เพราะถือว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัว ทุกคนจะกินอาหารมงคลด้วยกันในวันซาจั๊บ ถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" วันแรกของปีใหม่ชาวจีนนั่นเอง และเหตุผลที่ต้องกินอาหารมงคล ก็เพราะว่าการกินอาหารดี ๆ นอกจากจะทำให้สุขภาพแข็งแรง มีแรงไปต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ แล้ว ก็จะช่วยดึงดูดให้ได้รับแต่สิ่งดี ๆ ทั้งปีอีกด้วย อย่างการกินเกี๊ยว หรือปลา ก็เชื่อว่า จะช่วยดึงดูดความมั่งคั่งได้
ห้ามสระผมหรือตัดผม : ก่อนวันเที่ยวคนส่วนใหญ่จะสระผม ตัดผมให้เรียบร้อยก่อนเพื่อที่วันเที่ยวจะได้ไม่ต้องสระผม เพราะเทพเจ้าแห่งสายน้ำเกิดในวันตรุษจีน ถ้าหากว่าสระผมหรือตัดผมในวันตรุษจีน ก็เหมือนเป็นการล้างเอาสิ่งดี ๆ หรือโชคลาภในตัวเองทิ้งไป
กินเจมื้อเช้า : ชาวจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรกของวันตรุษจีน (ชิวอิก) เพราะถือว่าเป็นอาหารมื้อแรกของปี อีกทั้งชาวจีนยังเชื่อว่าถ้ากินเจมื้อแรกในวันตรุษจีนจะได้บุญเหมือนกับการกินเจตลอดทั้งปีเลยอีกด้วย
ห้ามทำของตกแตกหรือใช้ขของมีคม : ในวันตรุษจีนทุกบ้านควรเก็บแก้วน้ำ จานแก้ว แจกัน หรือสิ่งของที่สามารถแตกได้ให้พ้นมือเด็ก ๆ เพราะคนจีนมีความเชื่อว่าถ้าใครทำของแตกถือเป็นลางร้าย จะมีคนในครอบครัวเจ็บไข้ได้ป่วย และห้ามใช้ของมีคม ไม่ว่าจะตัดเล็บ ตัดผม หรือปอกผลไม้นั้นไม่ควรทำในวันตรุษจีนทั้งหมดเลย เพราะคนจีนเชื่อว่าการใช้ของมีคมตัดอะไรสักอย่างเป็นเหมือนการตัดโชคลาภ
ควรสังเกตสิ่งที่พบเห็นเป็นสิ่งแรกของวัน : สิ่งที่ได้พบเป็นสิ่งแรกของวัน จะเป็นการกำหนดโชคชะตาตลอดปีนั้น ๆ หรือถ้าเจอนกนางแอ่น เชื่อว่าตลอดทั้งปีนั้นจะมีแต่ความสุข ได้รับโชคลาภอีกด้วย
ไม่ควรร้องไห้ : คนจีนเชื่อว่าถ้าใครร้องไห้ในวันตรุษจีน จะทำให้ปีนั้นตลอดทั้งปีมีเหตุให้ต้องเสียน้ำตาบ่อย ๆ ซึ่งถือเป็นลางที่ไม่ดี และในวันนั้นจะพยายามไม่ทำโทษเด็ก ๆ ให้ร้องไห้อีกด้วย (ซนได้เต็มที่เลย เย่!)
เป็นยังไงบ้างคะ กับสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำในวันตรุษจีน เอาจริง ๆ ทั้งหมดเป็นเหมือนความเชื่อที่คนจีนสืบทอดต่อกันมา ฉะนั้นข้อไหนที่ทำตามได้ก็ทำตามไป เพื่อความสบายใจของคนหมู่มากในครอบครัวจะดีกว่านะคะ อะ! ขอฝากบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจในช่วงนี้กันหน่อยดีกว่า สุดท้ายนี้ “ซิงเจียหยู่อี่ ซิงนี้ฟาไฉ” นะคะทุก ๆ คน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ