NIKKO CAFE (นิกโก้ คาเฟ่) เอกมัย

เชื่อได้ว่าการนัดเพื่อนหลายๆคนมาสังสรรค์กันกว่าจะเลือกร้านได้ที ต้องเถียงกันเป็นเวลานานกว่าจะเลือกร้านได้ เพราะต่างคนย่อมมีสไตล์ที่แตกต่างกัน ทำให้มีความชอบที่ต่างกัน ร้าน Nikko Cafe เล็งเห็นถึงความชอบอันหลากหลายของแต่ละคน จึงได้สร้างร้าน Nikko Cafe ที่มีอาหารทุกอย่าง และเหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัยขึ้นมา ที่ร้าน Nikko Cafe มีอาหารทุกอย่างและหลากหลายไม่ว่าจะเป็นอาหารทานเล่น อาหารจานหลัก ของหวาน กาแฟ หรือแม่แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งค็อกเทล ไวน์ เบียร์ เรียกได้ว่าหากมาที่ร้านนี้แล้วอยากทานอะไร ทางร้านมีครบทุกอย่างที่ต้องการ แต่ถึงจะมีอาหารที่หลากหลายแต่ทางร้านค่อนข้างซีเรียสเรื่องวัตถุดิบที่นำมาใช้ วัตถุดิบทุกอย่างจะต้องเป็นของพรีเมี่ยมทั้งหมด เพื่อให้ลูกค้าได้ทานอาหารที่อร่อยที่สุด ยิ่งเป็นเรื่องเครื่องดื่มแล้วละก็ทางร้านจะค่อนข้างซีเรียสเป็นพิเศษ เพราะอยากให้ลูกค้าได้ทานอาหารที่อร่อยและพิเศษในทุกๆมื้อจริงๆ การตกแต่งของร้านเป็นแบบ Japanese Minimal จะไม่ใช่แบบญี่ปุ่นจ๋าไปเลย แต่จะเป็นการหยิบสิ่งที่สื่อความเป็นญี่ปุ่นเล็กๆน้อยๆ มาวางตามร้านเช่น การตกแต่งด้วยไม้สีอ่อน ชั้นวางของและตุ๊กตาญี่ปุ่น หรือแม้แต่ป้ายต่างๆก็จะเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งการตกแต่งทุกอย่างทางร้านจะพยายามเล่าทุกอย่างให้อยู่ใน theme “ life refresher” เพราะต้องการให้คนที่มาได้ refresh ตัวเองให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า จากความตึงเครียดในชีวิตประจำวัน หากใครอยากหาที่ผ่อนคลายลองมาที่ร้าน Nikko Cafe สั่งอาหารสักจาน แล้วนั่งริมกระจก หรือในโซน Out door อย่างสวน หรือจะนั่งรับลมที่ชั้น 2 ก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่ดีไม่น้อย มาพูดถึงอาหารกันบ้าง เริ่มเมนูแรกกันด้วยเครื่องดื่มอย่าง “Nikko Hot Chocolate” ราคา 110 บาท ช็อคโกแลตร้อน ที่ทางร้านได้เลือกใช้ดาร์คช็อกโกแลต แทนมิลค์ช็อกโกแลตเพราะรสชาติจะเข้มข้น และกลมกล่อมกว่า ทานคู่กับมาร์ชเมลโล่ที่ใส่มาด้วยกันเพื่อเพิ่มความนุ่มละมุนมากยิ่งขึ้น ความพิเศษของช็อคโกแลตถ้วยนี้คือไม่มีการใส่น้ำเชื่อมลงไปเลย ความหวานที่ได้มานั้นเกิดจากตัวช็อคโกแลตล้วนๆ มันกลมกล่อมและหอมหวานด้วยตัวของมันเอง “Cold Caramel Machiato” ราคา 125 บาท สำหรับคอกาแฟแล้วห้ามพลาดแก้วนี้เพราะมีลูกเล่นมากมายให้ได้เลือกทานกัน ลักษณะจะเป็นชั้นๆ ชั้นบนสุดเป็นคาราเมลซอส ชั้นกลางเป็นกาแฟที่เบรนพิเศษจากเมล็ดกาแฟคุณภาพที่ดีที่สุด ส่วนชั้นล่างเป็นคาราเมล ซึ่งเวลาทานก็จะมีลูกเล่น 2 แบบให้ได้เลือกทานกัน แบบแรกคือค่อยๆดูดที่ละ layer จะทำให้ค่อยๆได้รสชาติของแต่ละชั้น เริ่มจากความหวานหอมของคาราเมล ตามด้วยรสขมนิดๆของกาแฟ และจบด้วยความหวานมันของฟองนมและคาราเมลซอส หรือจะคนทั้ง 3 เลเยอร์เข้าด้วยกันก็จะได้ลาเต้รสชาติกลมกล่อมอีกหนึ่งแก้ว ถือเป็นกาแฟที่นอกจากจะรสชาติกลมกล่อมแล้วยังสนุกไปกับการดื่มอีกด้วย “Pavlova” ราคา 170 บาท แต่เดิมเป็นขนมของประเทศนิวซีแลนด์ มีลักษณะเหมือนกับเมอแรงกับมาร์ชเมลโล่มาผสมกัน โดยปกติแล้วจะทานกับครีมสดและผลไม้รสหวานตัดเปรี้ยว เพื่อให้รสชาติถูกปากของคนไทยทางร้านจึงเลือกใช้เสาวรส (passion fruit) ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและหาทานได้ในประเทศไทย ด้วยความเปรี้ยวของซอสเสาวรสและสตรอเบอร์รี่ ทำให้ไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป และได้ texture กรุบกรอบนิดๆของเสาวรส เป็นตัวช่วยดึงรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น ทำให้ Pavlova ชิ้นนี้รสชาตินุ่มละมุนลิ้น เป็นของหวานอีกหนึ่งเมนูที่แนะนำให้ลองทานกัน “Ebi Kutsu Sandwich” ราคา 180 บาท เป็นเมนูของว่างทานเล่นที่เหมาะนำมาทานคู่กัน ทางร้านได้นำตัวกุ้งมาทำเป็นแซนด์วิชราดคู่กับมายองเนส และซอสที่ทานร้านเบรนขึ้นมาเอง ทำได้ได้รสชาติกรุบกรอบของตัวกุ้งและรสชาติเต็มๆมันๆของซอสและมายาเนส นอกจากนี้ยังมีสลัดผักสดกรอบ ราดด้วยซอสงาที่ให้มาเป็นเซต เป็นอาหารที่ดูเผินๆแล้วไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่พอได้ทานแล้วรับรองได้ว่าติดใจ มาทานของหนักท้องกันบ้างกับ “Samurai Stew Pork” ราคา 180 บาท อาหารที่เป็นจานหลักของร้านทั้งหมด จะถูกเสิร์ฟมาในถาดไม้ทรงสี่เหลียม พร้อมกับเช็ตที่ประกอบไปด้วย ซุปมิโซะ, สลัดที่ผักสดและกรอบ และอาหารจานหลักซึ่งก็คือสตูหมู เพิ่มความเป็นญี่ปุ่นด้วยการใส่ไข่ออนเซนลงไป ทำให้รสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น เป็นอาหารสไตล์ Japanese Comfort Food มองว่าคนญี่ปุ่นหากอยู่ที่บ้านแล้วเค้าทานอะไร ทางร้านก็จะนำโจทย์นี้มาตีเป็นอาหารในแต่ละเมนู เป็นอาหารที่ดูง่ายๆ น่ารัก และมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแบบอบอุ่น ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มที่น่าจะโดนใจใครหลายๆคน “Strawberry Mojito” ราคา 300 บาท ค็อกเทลสตรอเบอร์รี่ที่ดูหรูหรา ทางร้านได้เลือกใช้เหล้าระดับพรีเมียมในการทำค็อกเทล แล้วจึงใส่สตรอเบอร์รี่สดนำเข้าลงไป และเพิ่มความซ่าด้วยการใส่โซดา รสชาติเปรี้ยวๆซ่าๆ และได้รสหวานหอมของสตอรเบอร์รี่ ยิ่งทานพร้อมกับสตรอเบอร์รี่สดๆลูกโตๆแล้วรู้สึกสดชื่นสุดๆตรงกับ concept “Life Refresher” ของทางร้านจริงๆ ใครอยากลองทานแก้วนี้แต่ไม่ชอบทานแอลกฮอล์ ก็สามารถบอกทางร้านได้ เป็นอีกแก้วหนึ่งที่ใครไม่ได้ทานแล้วถือว่าพลาดสุดๆ