mitsos

“อาหารจานค่อนข้างใหญ่นะคะ” คือคำแนะนำแรกที่เราได้ยินจากบริกร หลังจากเริ่มสั่งอาหารจานที่ 3 แต่ถามว่าแคร์ไหม? โนวจ้า ฉันหิว! ย้อนกลับไปเมื่อ 30 นาทีที่แล้ว เราขับรถมากับเพื่อนอีกคน เข้ามาจอดด้านล่างของร้านเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้ ก่อนจะเดินขึ้นไปเจอร้านที่ด้านมี Wine cellar ขนาดย่อม ๆ ตกแต่งด้วยศิลปะแนว Pop-art ทั่วผนัง เหมือน Art gallery บนโต๊ะมีเทียนหนึ่งเล่ม ให้แสงสลัว ๆ โรแมนติก . หลังจากสั่งอาหารไปได้ไม่นาน ‘Parker House Roll’ ก็ถูกเสิร์ฟ ซึ่งจะอบใหม่ทุกออร์เดอร์ มาในรูปทรง Wreath เข้ากับช่วงเทศกาล เสิร์ฟพร้อม Seaweed & Thyme butter ขนมปังขาวเนื้อฟูนุ่มหอม ต่อด้วย ‘Cod Roe Emulsion, Flatbread & Sardines’ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ที่มีแป้งคล้าย ๆ โรตี ไข่ปลาที่เอาไปตีจนกลายเป็นครีม ราดด้วย Herb oil และปลาซาร์ดีนทอด ประกอบร่างกันแล้วกิน ให้รสชาติมัน ๆ เค็ม ๆ . จานที่เราชอบมากที่สุดในคืนนี้เรายกให้ ‘Caesar Salad with soft shell crab’ ที่ตัว Dressing เชฟได้เปลี่ยนจากแองโชวีเป็นน้ำปลาแทน ทำให้ได้รสชาติที่เบา กลมกล่อม และมีมิติมากกว่า อีกหนึ่งเมนูที่เสิร์ฟมาพูนจานไม่แพ้กันคือ ‘Potato Chips with ham & black truffles’ ด้วยความที่เป็นมันฝรั่งทอดกรอบทำมือ มันจะมี Texture ที่หนาขึ้นมาหน่อย แต่ยังคงความกรอบได้ดี . ‘Bone Marrow Waffle & Lumpfish Roe’ ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่อ่านชื่อแล้วสั่งเลย เชฟเอาไขกระดูกวัวผสมลงไปในเนื้อวาฟเฟิล ทำให้เกิดความหอมมัน และไข่ปลาที่นำมาเรียงชั้นกับครีมชีสสดทำเอง เสิร์ฟมาเหมือนกับไข่ปลาคาเวียร์ ดูดีขึ้นกล้อง และเมื่อนึกถึงอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ก็จะขาดจานซีฟู้ดไปไม่ได้ ‘Shrimp Crudo with Chilli’ ที่ด้านล่างนำเนื้อกุ้งมาทำเป็นแผ่นคล้ายกับ Carpaccio ท็อปด้วยกุ้งแดง . สำหรับ Main course เราสั่งเป็น ‘Spicy ‘Nduja Vodka Rigatoni’ พาสต้าซอสสีส้มอบชมพูเบา ๆ รสเผ็ดจัดจาน และ ‘Squid Ink Fried Rice with Romesco & Octopus’ ที่ร้านยืนยันว่าสิ่งนี้เป็นข้าวผัดไม่ใช่ปาเอญาแต่อย่างใด เนื้อข้าวจะมีความหนึบ แต่ไม่แฉะเหมือนปาเอญา กินตัดกับ Jalapeño แล้วพอดีมาก ๆ มาถึงตรงนี้คงได้แต่ Take away และจำไว้ว่า รอบหน้าต้องพาเพื่อนมาเยอะ ๆ #FoodmasterWongnai