Manel Lanka ประตูน้ำ

Manel Lanka – ร้านอาหารเล็กๆในซอกซอยของย่านประตูน้ำนี้เป็นร้านอาหารศรีลังกาแท้ๆ การันตีรสมือจากเจ้าของประเทศตัวจริง เห็นได้ตั้งแต่หน้าตาพนักงานในร้านที่ต่างก็พูดไทยไม่ค่อยจะได้ เมนูและป้ายชื่อร้านที่มีภาษาศรีลังกากำกับควบคู่ไปกับภาษาอังกฤษ สำหรับคนที่อยากลองอาหารศรีลังกาดูบ้างเป็นประสบการณ์แบบไม่ต้องบินไปถึงที่ ก็แวะมาที่ร้านนี้นี่เลยค่ะ ศรีลังกานั้นเคยเป็นศูนย์กลางการค้าทั้งกับประเทศทางซีกโลกตะวันตกและตะวันออกมาตั้งแต่สมัยโบราณ อาหารของศรีลังกาจึงได้รับอิทธิพลทั้งจากฮอลแลนด์ อังกฤษ โปรตุเกส มาเลเซีย และประเทศเพื่อนบ้านคืออินเดียทางตอนใต้ โดยมีการนำมาปรับให้เข้ากับวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ทั้งในเรื่องของการใช้เครื่องเทศที่มีมากมายหลากหลายชนิด ทั้งการใช้กะทิและผลิตผลจากมะพร้าวเป็นองค์ประกอบหลักในอาหารส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาหารจำพวกแกง ซึ่งแม้องค์ประกอบจะคล้ายคลึงแกงกะหรี่ของอินเดีย แต่พอเปลี่ยนเบสมาเป็นกะทิ ก็ได้รสชาติก้ำกึ่งที่ชวนให้นึกถึงแกงกะทิของไทยเราอยู่นิดๆ สำหรับอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากประเทศฝั่งตะวันตกก็เช่น Hoppers ที่ว่ากันว่าดัดแปลงมาจากแพนเค้กแผ่นบางของชาวดัตช์ หรือขนมหวานที่ได้รับอิทธิพลจากคัสตาร์ดแบบโปรตุเกสนั่นเอง ****-เมนูที่ได้ลอง-**** สำหรับที่ร้าน Manel Lanka นี้แม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่เมนูนั้นหลากหลายมากทีเดียว มีตั้งแต่ Hoppers ที่นิยมทานเป็นอาหารเช้า เมนูของทานเล่น อาหารเส้น อาหารจานเดียว ไปจนถึงอาหารจำพวก “ข้าวกับแกง” ที่คนศรีลังกานิยมทานกันเป็นอาหารหลักทุกครัวเรือน กับครั้งนี้เราเลือกสั่งเป็น Set Menu ไป ก็จะมี “กับข้าว” แนวๆแกงกะหรี่ ตักมาให้หลายถ้วย ทานกับข้าวสวยเม็ดยาว และข้าวเกรียบ Papadum ราคาชุดละ 120 – 130 บาท ชุดนึงทานได้ราวๆ 2-3 คน ได้ลองไปตามนี้เลย ● Polos – จานนี้คือแกงเนื้อขนุนอ่อน (Young Jackfruit Curry) ที่นำเนื้อขนุนมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ต้มให้นุ่ม แล้วเคี่ยวจนงวดในหัวกะทิกับเครื่องเทศเครื่องแกงต่างๆทั้งเมล็ดมัสตาร์ด ผงขมิ้น พริก ผงกะหรี่...ฯลฯ จนได้ออกมาแบบแห้งๆขลุกขลิก เวลาทานจะรู้สึกได้ถึงเนื้อสัมผัสนุ่มฉ่ำของชิ้นขนุนที่มีรสชาติเข้มข้นของเครื่องแกงซึมซาบเข้าเนื้อ หอมเครื่องเทศ ดีกรีความเผ็ดประมาณเดียวกับบรรดาแกงกะทิของไทยเรา ทานกับข้าวร้อนๆกำลังอร่อยเลยค่ะ ● Parippu – คือ Dhal Curry แบบฉบับของศรีลังกา ทั้งหน้าตาและองค์ประกอบคล้ายคลึงกับ Dhal ของอินเดียที่หลายคนคุ้นเคย แต่จะมีการเติมกะทิลงไป ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่ข้น ได้ความหอมมันของกะทิช่วยทำให้รสชาติโดยรวมนุ่มนวลขึ้นแต่ยังคงความหอมเครื่องเทศไว้ครบถ้วน ทานเพลินดีทีเดียว ● Kukul mas Curry – แกงกะหรี่ไก่ของศรีลังกานั้นเป็นอาหารที่ทำกันแพร่หลายในทุกครัวเรือน ทั้งสูตร ทั้งรสชาติ ทั้งเครื่องเทศเครื่องปรุงที่เลือกใช้จึงมีความหลากหลายแบบบ้านใครบ้านมัน แต่หลักๆแล้วก็มีการใช้กะทิเป็นเบสเช่นเดียวกับแกงชนิดอื่นๆ สำหรับ Kukul mas curry ของร้านนี้ที่ชิมดู น้ำแกงจะไม่ได้ข้นมาก พอซดได้แบบไม่เลี่ยน กลิ่นรสเครื่องเทศไม่ได้ฉุนนัก ออกเค็มหน่อยๆแต่ไม่เค็มจัดเท่าของอินเดีย จัดเป็นแกงกะหรี่ไก่ที่ทานสบาย เนื้อไก่สุกนุ่มกำลังดี ชอบมากเลยล่ะค่ะ ● Fish Curry – ชิ้นปลาหั่นมาเป็นท่อน แกงกะหรี่ texture จางๆ รสกลมกล่อม ดีกรีความเผ็ด-ความมันน้อยกว่าจานอื่นๆ รสชาติดีใช้ได้เลย ● Bonchi Themparaduwa – แกงถั่วแขกใส่กะทิเครื่องเทศ รวนจนชิ้นถั่วสุกนุ่ม น้ำขลุกขลิก เป็นจานที่ได้รสกะทิชัดกว่าแกงกะหรี่จานอื่น ทานกับข้าวอร่อยเพลินไปค่ะ ● Cilantro Sambol – สลัดผักชีหั่นฝอย ใส่หอมแดง มะเขือเทศ ปรุงรสคล้ายยำ ว่าไปแล้วก็จะคล้ายๆ Tabouleh ของทางอาหรับนั่นเอง เป็นจานที่ให้รสชาติสดชื่น ใช้เบรคความหนักของแกงกะหรี่ได้ดีเลยล่ะ ● Haal Masso Thel Dhala – ปลาเล็กปลาน้อยเอามาผัดกับพริก หอมใหญ่ และเครื่องเทศ กรอบๆเค็มๆ มีเผ็ดมีหวานนิดๆค่ะ ● Fish Roll – อารมณ์เหมือนเอาเนื้อปลามาผัดกับเครื่องเทศ ห่อด้วยแป้งม้วนยาวๆแล้วทอด ทานเล่นได้เพลินๆดีนะ ในภาพรวมเมื่อดูองค์ประกอบหลักของอาหารแนวๆข้าวกับแกงของศรีลังกาที่เป็นกะทิกับเครื่องเทศแล้ว สำหรับคนไทยถือว่าเป็นรสชาติที่เข้าถึงง่าย ใกล้เคียงกับข้าวไทยๆเรามากทีเดียว ส่วนตัวเราว่าทานง่ายกว่าอาหารอินเดีย เพราะรสชาติกลมกล่อมกว่า ไม่จัดจ้านหรือเค็มมากเกินไป ในแง่ของบรรยากาศที่นี่คือร้านข้างทางธรรมดา ไม่ติดแอร์แต่มีพัดลมให้ อาหารส่วนหนึ่งเตรียมใส่ถาดไว้พร้อมตักแบบเดียวกับข้าวราดแกงของไทยไม่มีผิด ราคาหารออกมาต่อคนแล้วก็สบายกระเป๋าใช้ได้ ดูว่ากลุ่มลูกค้าหลักน่าจะเป็นคนศรีลังกาที่ทำงานในย่านนั้นแล้วแวะมาทานเป็นมื้อเที่ยงมื้อกลางวันกันง่ายๆนั่นเอง ถ้าแวะมาเดินย่านนี้แล้วอยากลองอาหารศรีลังกาที่แท้ทรูก็จัดไปค่ะ