การเดินทางของเราช่วง28 มีนาคมถึง15เมษายน แพลนกันว่าสายการบินไทย บินตรงไปนอร์เวย์น่าจะสบายสุด เราเลยจองตั๋ว TG Bangkok- Oslo บิน12.30 ชม. นอนกันยาวๆ
00.20-06.50 (เวลาที่Oslo ช้ากว่าบ้านเรา7ชม.)
สถานที่แรกที่เราจะไปกันคือเกาะในฝันของหลายคน
” Lofoten “ หมู่เกาะทางตอนเหนือของนอร์เวย์ ติดกับ Norwegian Sea หมู่เกาะนี้มีแลนด์สเคปที่สวยงาม เป็นแหล่งตกปลายอฮิตของนอร์เวย์ สามารถดูแสงเหนือในหน้าหนาว และ ดูพระอาทิตย์เที่ยงคืนช่วงหน้าร้อน
ถึงสนามบิน Oslo มีเวลาประมาณเกือบ3ชม. เพื่อจะบินDomestic flight : Oslo -Lofoten โดยสายการบินWideroe WF800 10.55 - 13.20 (บิน2.25ชม.)สำหรับตั๋วเครื่องบินเราจองล่วงหน้า 3 เดือน จองขาเดียว Euro 195/คน เลือกสายการบินนี้เพราะเป็นdirect flight ลงที่สนามบิน Leknessและเวลาดีที่สุด เครื่องบินWideroe เป็นเครื่องบินใบพัด 39ที่นั่ง ระบุที่นั่งไม่ได้ ขึ้นก่อนมีสิทธิ์เลือกที่นั่งก่อน แนะนำฝั่งขวาติดริมหน้าต่างนะคะ วิวดีสุด
จริงๆการนั่งเครื่องบินลำนี้เป็นhighlight ในการเดินทางมาโลโฟเท่น แต่ก็จะเสียวๆหน่อยคะ เครื่องบินบินต่ำ เสียงดังหน่อยๆๆ พวกเราก็มองวิวภูเขาหิมะ เพลินกันไป
ถึงสนามบินLekness ด้วยอุณหภูมิติดลบ1 แถมลมพัดแรง แต่คณะก็ยังขอถ่ายรูปกันสักแชะกับเครื่องบินใบัดสีเขียว^^
ถึงสนามบินLekness ด้วยอุณหภูมิติดลบ1 แถมลมพัดแรง แต่คณะก็ยังขอถ่ายรูปกันสักแชะกับเครื่องบินใบัดสีเขียว^^
ที่สนามบินนี้เป็นทั้งอาคารโดยสารและ เป็นที่รับรถ สนามบินเล็กมากคะมีเคาเตอร์รับรถแค่บริษัท Avis -เราจอง บ.Sixt ไม่มีเคาเตอร์ส่วนตัว แต่ใช้ที่เดียวกัน(ถ้าเพื่อนๆมีแพลนจะมาเราขอให้เลือกAvis ซึ่งบริการดีกว่า ให้คำปรึกษาดีกว่า) -- รถที่เราจองคือ Rav.4 แต่ได้รถPeugeotแทน ซึ่งก็ร้องเรียนไม่ได้เพราะทางบริษัทถือว่าเป็นรถขนาดใกล้เคียงกัน
*ข้อแนะนำในการจองรถคะ - รถส่วนมากในยุโรปจะมีทั้งเกียร์กระปุกและเกียร์ออโต้ เกียร์ออโต้ค่อนข้างหายาก ต้องระบุและรีบจองกันหน่อยคะ
-ขนาดรถ จำนวนผู้โดยสารกี่คน กระเป๋าเดินทางกี่ใบ
-ถนนที่Lofoten เล็กมาก ทางรถบางเส้นต้องสลับกันไป
-ในหน้าหนาวควรเลือกรถขนาดใหญ่หน่อย พวกรถ4WD เพราะรถมักตกหล่มหิมะ
-การประกันรถ ควรทำให้ครอบคลุม
หลังจากได้รถและเก็บกระเป๋าเดินทางที่ขึ้นเกือบไม่หมด😆 รถมุ่งหน้าฝ่าถนนที่โปรยปรายด้วยหิมะ 1ชม. ขับรถ ไปHamnoy ที่พักของเรา
15.30 ถึงที่พักของเรา 2คืนคะ ที่พักสไตล์โรบุเอ้ Eliassen Rorbuer บ้านชาวประมงสีแดงติดริมน้ำที่ดัดแปลงเป็นห้องพัก ที่นี่มีห้องพักประมาณ34ห้อง จะมีชื่อเรียกชื่อห้องและเบอร์แต่ละหลัง โดยห้องพักจะมีโซนที่ติดริมน้ำและ ไม่ติด สามารถพักได้2-6คน (ขึ้นอยู่กับแบบห้องที่เลือกพัก)
เรามา4คน ได้ห้องพักเบอร์2 - Waterside 2bedrooms ห้องพักติดริมน้ำ
มีห้องนอน2ห้อง ห้องน้ำ1 ห้องครัว ห้องนั่งเล่น
จุดขายของห้องนี้คือห้องทานข้าว ที่มีกระจก2บาน มองเห็นวิวริมทะเล พร้อมพระเอกของ Lofoten คือภูเขา” Olstind “ นอกจากนั้นห้องนอนห้องหนึ่งก็มองเห็นวิวทะเลเช่นกัน
หลังเอากระเป๋าเดินทางเข้าที่พัก ก็ออกไปทานข้าวในเมืองSakrisøya -ร้าน Anita's Sjomat กิน fish burgerเมนูดัง พร้อม fish cake ที่เค้าว่ากันว่ามานอร์เวย์ก็ต้องลองชิม fish cakeที่ทำจากปลาสดๆ
เราชอบวิวของห้องอาหารนี้มากคะ มื้อแรกกับการเดินทางครั้งนี้ บรรยากาศสุดฟินทีเดียว
จากนั้นก็ขับรถไปSupermarket Jokerซึ่งอยู่ไม่ไกล สำหรับทำอาหารมื้อเช้า/เย็น ของวันพรุ่งนี้
สำหรับคนที่มาเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่ต้องทำอาหารทานเอง เพราะร้านอาหารน้อย ปิดเร็ว ราคาสูง แม้แต่ super ยังปิด18.00คะ การทำอาหารเองเลยค่อนข้างแนะนำเเละที่นี่วัตถุดิบดีและสดคะ
30/03
ตื่นเช้า6.30
เช้านี้หิมะตกหนักแต่เช้าคะ ลมพัดแรงมาก เรากินสเต๊กปลาแซลมอนที่ซื้อจากJoker เมื่อคืน คุณภาพปลาดีมากแค่ปรุงน้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย ก็อร่อยแล้ว ไข่ลวก และไส้กรอก พร้อมBrown cheese (ชีสสีน้ำตาล ของนอร์เวย์)
10.00 หิมะหยุดตกแล้วแต่ท้องฟ้ายังมืดหม่น ตัดสินใจออกเดินทางไปเที่ยวใกล้ๆไป Reine , Sakrisøya, หมู่บ้าน A (แต่ที่นี่เรียกว่า โอ) อยู่ทางตอนใต้สุดของหมู่เกาะโลโฟเท่น มีบ้านสไตล์โรบูเอ้หลังสีแดง เหมือนกัน และมีท่าเรือเล็กๆสำหรับเทียบเรือยอร์ช สวยงามดีคะ
การเดินทางมาเมืองโลโฟเท่น เกาะที่เป็นมรดกโลกนี้ สำหรับเราเปรียบเหมือน สวรรค์น้อยๆ ที่สุดชิล ธรรมชาติงดงามเหลือเกิน ส่วนตัวว่าไม่ว่าจะมาเดือนไหนๆ เมืองนี้ก็ยังมีมนต์เสน่ห์
เวลาเลยผ่านไป อย่างรวดเร็ว ถ่ายรูปอย่างไรก็ไม่เคยพอ แม้จะถ่ายวิวเดิมๆซ้ำๆกันทุกวัน
(เย็นนี้กลับมาที่พักทำอาหารเย็น -- มื้อนี้กินข้าวต้ม พร้อมกับข้าวที่ปรุงกันเอง)
ช่วงเย็นออกมาถ่ายรูปกัน กับมุมมหาชนที่มักจะมีนักถ่ายภาพมากมายมาตั้งขาตั้งกล้อง ซึ่งก็คือแถวสะพานทางเข้าโรงแรม Eliassen Rorbuer แต่ออกมาได้ไม่นานฝนตกอีก ตามด้วยหิมะตลอดทั้งคืน เรารอถึงเกือบเที่ยงคืนหิมะยังคง
ตก หมดสิทธิ์ดูแสงเหนืออีกตามเคย
31/03
ตื่น 6.45 ทำอาหารเช้า
เตรียมตัวแพ๊คกระเป๋าเตรียมย้ายรร. ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรร.Eliassen Rorbuer - สาเหตุที่เราเปลี่ยนรร. เนื่องจากไม่อยากนอนเตียง2ชั้น ตลอดการเดินทางที่อยู่เมืองLofoten ก็อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศด้วยนะ
🏢รร.ใหม่ที่เข้าพักนี้ชื่อ Reinefjord Sjohus เราจองโดยตรงกับรร. บ้านพักนี้เป็นตึก1-2ชั้นริมทะเล เห็นภูเขา” Olstind “ ชัดเจน รร.เปิดไม่ถึง1ปีคะ มีพี่คนไทยเป็นคนทำความสะอาดด้วย รร.นี้มีห้องพักหลายแบบ แต่เราเลือกเป็นบ้าน2ชั้น บ้านเบอร์1 (อยู่หัวมุม) ห้องนอนอยู่ชั้น1 มี2ห้องนอน มีหน้าต่างมองเห็นวิวทะเล ห้องนั่งเล่นและห้องครัวอยู่ชั้น2 - จุดขายของรร.นี้คือหน้าต่างบานใหญ่ ที่มองเห็นวิวเขาและทะเลtop view รร.นี้จะมีบ้านtypeนี้อยู่2ห้อง
แค่เห็นวิว ก็ไม่อยากจะเดินทางไปไหนเลย มันแสนสวยและสบายมาก
มื้อเย็นนี้เราเลยทำข้าวต้มร้อนๆ พร้อมอาหารที่ปรุงกันเอง ก็สนุกสนานไปอีก1วัน
จากนั้นก็ขับออกไปถ่ายรูปที่มุมมหาชน ตรงสะพานรร. Eliassen Rorbuer , และแถว Sakrisøya
ช่วงดึกออกมาด้านนอกห้อง เมฆยังคงเต็มท้องฟ้า อากาศปิดตามเคย เราดูพยากรณ์อากาศว่าวันรุ่งขึ้นอากาศจะดีขึ้น ซึ่งเราก็ลาจากเมืองLofoten แล้ว แอบเสียดายจริงๆคะ ก็ได้แต่หวังว่าจะกลับมาใหม่ครั้งหน้า^^
1/04
ตื่นเช้า 5.45 หลังทานอาหารเช้าแล้ว
เราเช็คเอาท์กันแต่เช้า 7.00 เดินทางไปเมือง Henningsvear (ประมาณ280 กม., 2ชม.) เมืองเล็กๆที่มีท่าเรือ และที่จอดเรือประมงและเรือยอร์ชมากมาย คนที่นี่ทำการประมงกันคึกคัก แนะนำให้ถ่ายรูปตรงสะพาน ถ่ายให้เห็นท่าเรือ2ข้างทางขนาบอ่าวสวยงามคะ เมืองนี้นักท่องเที่ยวยังตั้งชื่อให้เป็น Venice of Lofoten
12.30 ออกเดินทางสู่สนามบิน พร้อมคืนรถที่Airport (@Harstad Narvik Evenes (190km., 3ชม.)
ถึงสนามบินHarvik คืนรถตอน 16.00
เดินทางกลับOslo โดยสายการบินSAS 18.05-19.45 (1.40ชม.)
🏢พัก Hotel Radisson Blu Airport Hotel, Oslo Gardermoen รร.อยู่ติดสนามบินเดินเพียง 5นาที (100เมต)สะดวกมากสำหรับนักเดินทางที่มีflight เช้าในวันรุ่งขึ้น
2/04
7.15 อาหารเช้าที่รร. ค่าอาหารเช้าคนละ NOK 159 อาหารเช้าเริ่ม 05.30-9.30 อาหารดีมากคะ ห้องพักกว้าง มีอ่างแช่น้ำ บริการก็ดี สามารถฝากกระเป๋าเดินทางได้ด้วยคะ
Check in:
ที่สนามบินนอร์เวย์มีคนให้บริการน้อยมากคะ เราต้องทำการ Self checkin เองที่หน้าเครื่อง โดยต้องมีข้อมูล booking reference /หรือ passport no. เพื่อเอาBaggage tag & Boarding pass พร้อมทั้งติด Baggage tag กระเป๋าที่จะโหลด+โหลดกระเป๋าขึ้นสายพาน ซึ่งขั้นตอนทั้งหมด ต้องทำเอง
บินไปIceland- by Norwegian airways @10.50-11.40 (2.50hrs.) *เวลาที่Iceland ช้ากว่า Norway 2ชม. (ตั๋วเครื่องบิน ไป/กลับ ราคา€165— จองล่วงหน้า 4 เดือน ได้ราคาค่อนข้างดีค่ะ)
ถึงสนามบิน รับรถเช่า @Blue car rental - Nissan X trail https://www.bluecarrental.is >> ราคา ISK 93700
รถคนนี้truckใหญ่ทีเดียว เราชอบรถX Trail เพราะวางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้3ใบ , กระเป๋า carry on 2-3ใบ ได้สบาย
* แนะวันในวันที่รับรถให้ถ่ายรูปรถ หรืออัดวีดีโอถ่ายรถให้รอบคันคะ เพื่อกันปัญหาที่อาจเกินขึ้นหากประสบอุบัติเหตุ*
== I C E L A N D==
ที่เที่ยวแรกของIceland -ไปกันที่ “Blue Lagoon” คะ น้ำแร่ชื่อดังติดอันดับโลก
ก่อนแช่น้ำแร่ เรามาเติมพลังกันก่อนกับร้านอาหารLava restaurant ร้านอาหารติดอันดับต้นๆในไอส์แลนด์ เราจองโต๊ะล่วงหน้าผ่านเวปร้านอาหาร 2เดือน รอบ 15.00 ช่วงเวลาไป คนน้อยคะเราโชคดีมากที่ได้ที่นั่งวิวที่เราชอบมากที่สุดเลย วิวริมกระจกมองเห็น บ่อน้ำแร่สีฟ้าได้ชัดเจน
อาหารที่นี่เป็นชุด 2courses(Side dish+Main dish) หรือ 3Courses (Side dish+Main dish+ Desserts ) และเมนูAlacarte
ทานอาหารเสร็จ ก็ถึงเวลาแช่น้ำแร่แล้ว ซึ่งการจะแช่น้ำแร่ที่นี่ก็ต้องจองล่วงหน้าผ่านหน้าเวปเช่นกัน จองเลือกเวลา พร้อมจ่ายเงินตัดบัตรเครดิตเลย ราคามี3แบบคะ Comfort,
Premium และ Luxury รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่
https://www.bluelagoon.com จากนั้นจะได้สายรัดข้อมือคนละอันไว้เปิด/ปิด ล๊อคเกอร์ รวมทั้ง ซื้อของ ขอเตือนว่าห้ามทำสายรัดข้อมือหายนะคะมีค่าปรับราคาสูงทีเดียว
ถึงเวลาที่เรารอคอยกันคะกับการแร่น้ำแร่ที่ Blue lagoon (เราจองแช่น้ำแร่ รอบ17.00 )เลือกแบบ>> Basic :ราคาISK 6990 (€76) ราคานี้รวม ค่าเเช่น้ำแร่ ,drink 1ถ้วย(เลือกได้), ผ้าขนหนู, และ Silica mud mask โคลนพอกหน้า
*กฎในการแช่น้ำแร่ที่นี่คือ ต้องใส่ชุดว่ายน้ำ และต้องอาบน้ำก่อนลงแช่ *
ข้อดี>>ของการแช่น้ำแร่ที่นี่คือไม่มีเวลาจำกัดคะ แช่ได้ถึงเวลาปิดเลย ทั้งนี้แนะนำว่าการแช่แต่ละครั้งไม่ควรเกิน45นาทีคะ แต่ในคำแนะนำบอกถึง2ชม. ที่สามารถแช่ได้นานเนื่องจากอุณหภูมิน้ำไม่ร้อนเท่าที่ญี่ปุ่น บ่อน้ำใหญ่มาก อุณหภูมิในบ่อแต่ละมุมไม่เท่ากัน โดยอุณหภูมิประมาณ37-40องศา ความลึก1.40เมตร
โดยประโยชน์ของน้ำแร่ที่นี่มี ซิลิกาสาหร่ายและเกลือแร่น้ำเพิ่มความแข็งแกร่ง ต่ออายุ และชุ่มชื้นผิว เพิ่มความกระจ่างใสและฟื้นฟูผิวพรรณ ทำให้น้ำแร่ที่นี่เป็น1ใน10 สปาที่ดีที่สุดในโลกทีเดียว!!
ออกจากBlue Lagoon ด้วยร่างกายที่สดชื่น ขับรถเข้าตัวเมือง ประมาณ1ชม. เข้ารร.ที่พักคะ
🏢พัก Skuggi hotel by Keahotels รร.3ดาว ที่บริการดีมาก อาหารเช้าดี
คืนแรกนี้ท้องฟ้าเคลียร์เรารีบเช็คค่า KP อยู่ที่3 ลุ้นกันได้เลยว่ามีโอกาสเห็นแสงเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ในเมือง แสงไฟมีผลในการเห็นแสงเหนือ เราเลยลองเดินไปริมน้ำปรากฎเห็นแสงเหนือรางๆๆ เป็นคืนแรกที่ได้เห็นแสงเหนือเลย^^
สำหรับเวปforcast northern light แนะนำเวปนี้คะ
https://en.vedur.is/weather/forecasts/aurora/
โดยโอกาสที่สามารถเห็นแสงเหนือได้คือวันที่เมฆน้อย ค่า KP จะเป็นค่าที่บ่งบอกว่าแสงเหนือมีโอกาสเกิดขึ้นไหม จะมีตั้งแต่ 0-9 ซึ่งหากค่า KPตั้งแต่3มีโอกาสที่จะได้เห็นค่อนข้างสูง โดยหากดูในเวป-สีเขียว หมายถึงเมฆมาก สีขาวคือท้องฟ้าใสมีโอกาสเห็นแสงเหนือค่ะ
3/04
8.00 check out และฝากกระเป๋า1ใบที่รร.
ทีแรกวางแผนจะล่องเรือดูปลาวาฬ แต่ไม่ได้ไปเพราะวันนั้นลมแรง คลื่นน่าจะเยอะ ถ้าใครไม่กลัวเมาเรือแนะนำเลยคะ น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดี โดยมีบ.ชั้นนำอยู่หลายที่ ทั้ง www.elding.com, www.extremeiceland.is
10.00 ไปถ่ายรูปโบสถ์ที่มีชื่อ Hallgrímskirkja church (Tip: ช่วงเช้าถ่ายจะย้อนแสง ต้องถ่ายช่วงบ่ายคะ)
@ Super Bonus (supermarketราคาถูกสุดที่นี่ เปิด11.00-18.00) แวะซื้อสเบียง ขนมปัง/ไข่/หอยเชลล์ /ปลาแซลมอน/แฮม สำหรับทริปในวันต่อไปที่
•Thingvellir / Oxararfoss สถานที่ท่องเที่ยวต่อมาคะ
เป็นทางเดินที่เป็นแนวภูเขาไฟไหลผ่าน แนวภูเขาค่อนข้างสูงและคดเคี้ยว ใช้เวลาที่นี่ 2ชม.
*Parking fee: ISK750(สำหรับรถไม่เกิน6ที่นั่ง) สังเกตุทางเข้านะคะ บางสถานที่ต้องจ่ายค่าจอดรถคะ จุดจ่ายเงินอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ให้ใส่ทะเบียนรถ เลือกขนาดรถ และจ่ายเงินโดยใช้บัตรเครดิต
เดินทางไปที่พัก ถึงประมาณ17.00
🏢ที่พักของเราคืนนี้ จองผ่าน Booking.com: Eyvindartunga Farm cottage
เป็นบ้านพักตรงไหล่เขา ช่วงที่ไปรอบบ้านปกคลุมด้วยหิมะสูง บ้านสวยงามมาก มี2ห้องนอน 1ห้องน้ำ เห็นวิวหิมะ ทั้ง2ห้อง
มีห้องครัว อุปกรณ์ครบครัน ทั้งหม้อ กระทะ จาน/ชาม ช้อน, ห้องนั่งเล่น สบาย และมีช่องcableให้ดู
ห้องน้ำมีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า อุปกรณ์แฟ๊บมีพร้อมให้ ดีมากๆๆ
จุดที่ชอบมากคือวิว และระเบียงบ้านที่สวยงามมากๆๆ เพราะรอบข้างไม่มีบ้านเลย
ราคาบ้านพักไม่แพง เจ้าของบ้านดูแลเองคะ โดยก่อนมา1สัปดาห์ทางเจ้าของบ้านจะส่งcode รหัสกุญแจเข้าบ้านคะ วันcheckout แค่เอากุญแจใส่ในsafebox และหมุนรหัส
4/04
ตื่นเช้า 6.00 ทำอาหารเข้า
9.30checkout จากบ้านพักแสนสวยที่ชอบมากที่สุดในทริปเลย
•Geysir iceland หรือ The Great Geysir คือน้ำพุร้อนทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ เป็นน้ำพุธรรมชาติที่พุ่งขึ้นทุกๆ4-10นาที
ไปเที่ยวน้ำตก “ Gullfoss Falls “ น้ำตกที่เป็นแอ่งโค้งแบบไนแองการ่า แต่ไม่ใหญ่เท่าที่แคนาดา
แต่มีมนต์เสน่ห์พอๆกัน เราใช้เวลาที่นี่2ชม. ถ่ายรูป
ช่วงเที่ยง ทานข้าวที่” Gullfoss Cafe” ร้านอาหารด้านหน้าทางเข้าน้ำตก ซึ่งเป็นสถานที่นัดกับทัวร์ที่เราซื้อไว้
ที่นี่ขาย Sandwiches, Soup และ Cake มีปลั๊กเสียบไฟตามมุมโต๊ะ
14.30 ถึงเวลาผจญภัยกับทัวร์ขับ Snowmobile พร้อมทัวร์ถ้ำน้ำแข็งที่พบโดยธรรมชาติ ทัวร์นี้เราจองล่วงหน้าผ่านเวปนี้ Adventure.is - Snow mobile & Tour cave (4ชม.) ราคาคนละISK 23400 หากท่านใดสนใจ ลองเข้าไปดูในลิงค์นะคะ
https://adventures.is/iceland/day-tours/snowmobiling/glacier-snowmobile-ice-cave-tour-from-gullfoss/
โดยราคาทัวร์นี้มีอุปกรณ์: ชุดหมี ผ้าพันคอ หมวก ถุงมือ แว่นตาสกีกันลม
ทีแรกทัวร์นี้ถือเป็นไฮไลต์ในการเที่ยวไอส์แลนด์เลย แต่ทว่า การขับsnowmobile สำหรับมือใหม่หัดขับอย่างเรา รวมถึงผู้สูงอายุอย่างคุณพ่อ เราเลยขับช้าตามเพื่อนๆๆคณะทัวร์ไม่ทัน พวกนั้นขับเร็วมากจริงๆคะ
ประกอบกับระยะทางการขับค่อนข้างไกล ขาไป30กม. ใช้เวลาขาเดียว 40นาที ค่อนข้างเมื่อยล้าคะ
ส่วนถ้ำ เราว่าถ้ำนี้เล็กไปหน่อย ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไร
หากโอกาสหน้ามาช่วงเดือน1-กลางเดือน3 เราอยากแนะนำไป Crystal cave ถ้ำสีฟ้าด้านในเป็นน้ำแข็งกลมๆ น่าจะสวยงามกว่านี้มาก
หลังทัวร์สิ้นสุด ทางทัวร์มีสรุประยะทางที่วันนี้ได้วิ่งพร้อม เครื่องดื่มและขนม
และแล้วก็ถึงเวลาแยกย้ายคะ ขับรถถึงที่พักตอน 20.00
🏢Bella Apartment ห้องพักคืนนี้ เราจองห้องพักแบบPenthouse ห้องพักมี2ชั้น ชั้นบน/ล่าง ขนาดห้องพักมากกว่า 100ตรม. ค่อนข้างกว้าง ห้องพักที่นี่มี ห้องนอน2ห้อง ห้องครัว ห้องรับแขก และ 1ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำ
จองห้องพักผ่าน ราคา€223 www.booking.com
ห้องพักเป็นห้องหัวมุมของรร. จองห้องพักที่รร.นี้เพราะชอบกระจก 2ด้านของห้อง มีระเบียงออกไปชมเมืองได้ เราหวังจะตั้งขากล้องบนระเบียบนี้ในทีแรก แต่ก็ผิดหวังอีกตามเคย อากาศปิดคะ
5/04
ตื่นเช้า 6.00 วันนี้สถานที่ท่องเที่ยวมีหลายที่ เลยต้องทำเวลากันหน่อยเราเลยทำอาหารสำหรับมื้อบ่าย แพ๊คอาหารเตรียมตัวปิคนิคคะ เตรียมอาหารง่ายๆแซนวิช ไว้ทานบนรถสำหรับมื้อบ่าย เนื่องจากต้องการประหยัดเวลาไม่อยากถึงที่พักดึก
11.00 มาถึงน้ำตกที่แรก “Seljalandsfoss” น้ำตกที่ได้รับความนิยมจากช่างภาพติดอันดับต้นๆ น้ำตกนี้อยู่ใกล้เส้นวงแหวน ความสูงน้ำตก60เมตร จุดที่นักถ่ายรูปนิยมถ่ายต้องเดินฝ่าละออกน้ำตกเข้าไปด้านใน เปียกและลื่นมากๆคะ ไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ไปเราเลยเข้าไปคนเดียว รีบแชะภาพน้ำตกด้านข้าง โดยลืมที่จะเดินเข้าไปลึกอีกหน่อย จะได้เห็นเหมือนอุโมงค์น้ำตก เสียใจคะไม่น่าพลาด ^^
Parking Fee: ISK750(สำหรับรถไม่เกิน6ที่นั่ง) ตู้จ่ายอยู่หน้าทางเข้าห้องน้ำ>> ข้อมูลที่ต้องใช้เหมือนเดิม ป้อนทะเบียนรถ เสียบบัตรเครดิต จ่ายเงิน<< ไม่แน่ใจนะคะว่าถ้าไม่เสียจะมีการเรียกเก็บกับรถเวลานำรถไปคืนรึเปล่า *
ความลำบากในการเข้าถึง :น้ำตกไม่ไกลจากที่จอดรถ
จากนั้นขับรถต่อ ประมาณ40นาที
11.45-12.30 ถึงน้ำตก "Skógafoss waterfall" เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำSkógáทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ที่หน้าผาของแนวชายฝั่งเดิม หลังจากแนวชายฝั่งหลุดออกไปทางทะเลหน้าผาริมทะเล ทีเเรกเราไม่คาดหวังกับน้ำตกนี้เท่าไร แต่วันที่ไปจังหวะฟ้าเปิด ฟ้าสวย เห็นรุ้งกินน้ำโค้งยาว ชัดเเจ๋ว
ถ่ายรูปกันเพลินเลยคะ สว.เราประทับใจกับที่นี่มาก
ความลำบากในการเข้าถึง: น้ำตกไม่ไกลจากที่จอดรถ
หลังจากอิ่มเอมกับน้ำตกพร้อสายรุ้งที่พาดยาว เดินทาง ต่อกันอีกประมาณ1ชม.
“Reynisfjara Beach” หาดทรายสีดำที่National Geographic ให้คะแนน Reynisfjara เป็นหนึ่งใน 10 ชายหาดที่สวยที่สุด โดยมีเสาหินบะซอลต์หน้าตาประหลาด ขนาดไม่เท่ากัน ซ้อนกันจนเป็นเเท่งๆ ตัดกับหาดทรายสีดำ เป็นธรรมชาติที่ไม่เคยเห็นที่ไหนคะ ใกล้ๆกันนั้นมีถ้ำทะเล Hálsanefshellirที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน
ที่นี่สวยงาม และมหัศจรรย์จริงคะ อดไม่ได้ที่จะขอปีนป่ายตา เสาหินที่เป็นแท่งๆ
ความลำบากในการเข้าถึง: น้ำตกไม่ไกลจากที่จอดรถ
หลังเที่ยวเสร็จ ถึงเวลาปิคนิคคะ ทานแซนวิชที่ทำมาจากโรงแรมเมื่อเช้า มีขนมปัง หมูแฮม สเต๊กหอยเชลล์ fish cake ไส้กรอก Avocado พร้อมชาร้อน ใครมาปิคนิคแบบนี้เตรียมกระติกน้ำร้อนที่เก็บความร้อนได้นานๆแนะนำเลยนะคะ อย่าหาว่าเราสว.เลย มันลื่นคอมากๆคะ
ที่เที่ยวต่อไปคือ” Fjadragijufur canyon” แต่เนื่องจาก ถนนปิดหลายเดือน ทำให้ไม่สามารถเข้าได้คะ><
จากนั้นเราขับรถกันยาว 🚙🚗
ถึงที่พักตอน 19.00 Hali Country Hotel
รร.สวยติดริมทะเลสาบ อีกด้านเป็นวิวเขา ห้องพักเรียบๆ แต่ก็อบอุ่นใช้ได้คะ แถมได้คะแนนในweb.รร.สูงทีเดียว รร.นี้ที่ไม่มีกาน้ำร้อนและตู้เย็นคะ แต่มีบริการฟรี Hot coffee& Tea ด้านหน้าทางเข้าห้องพัก
🏢Hali Country Hotel
6/04
ตื่น7โมงเช้า
กินข้าวเช้า 8.00ที่รร. อาหารดีใช้ได้เลยคะทั้งอาหารร้อน และขนมปัง แฮม ชีส และแยม เติมพลังเสร็จไปเที่ยวที่แรกคะ ไม่ไกลจากรร.
อิ่มท้องแล้วไปสถานที่ท่องเที่ยวแรกคะ
“ Diamond beach “ คือ น้ำแข็งสีขาวที่มีรูปร่างไม่ซ้ำกัน เงาวาวเหมือนอัญมณี บางก้อนเหมือนเพชร ก้อนใสจะเปล่งประกายสวยงามเมื่อโดนพระอาทิตย์ส่อง เราแวะมาถ่ายรูปเพียงครู่เดียวก็รีบไป เพราะมีซื้อทัวร์ล่องเรือชมน้ำแข็งไว้คะ
ความลำบากในการเข้าถึง :ไม่ไกลจากที่จอดรถ
ขับรถไม่ไกลจาก Diamond Beach คะ ก็ถึง "Fjallsárlón Iceberg"
•Fjallsárlón Iceberg Boat Tours, Iceland บริษัทล่องเรือชมน้ำแข็ง มาเที่ยวIceland กิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือ ล่องเรือชม Icebergs และ Glacier อย่างใกล้ชิด
เดิมทีเราอยากล่องเรือที่ Jökulsárlón แต่เนื่องจากเดือนที่เปิดล่องคือ เดือน5-9 เราเลยหาข้อมูลเพิ่ม เลยมาเจอที่นี่ Fjallsárlón Iceberg ซึ่งที่นี่จะอยู่ก่อน Jökulsárlón 11km. แม้ที่นี่จะไม่โด่งดังเท่า Jökulsárlón แต่ธารน้ำค่อนข้างกว้างและน้ำแข็งยังจับตัวค่อนข้างมาก
เราจองล่องเรือ ตอน 10.30 นั่งเรือยางชม glacier ใช้เวลา ประมาณ1.45ชม. (ราคา ISK 6900/คน) บริษัททัวร์มีเสื้อหนาวชุดหมีตัวใหญ่ให้ใส่เป็นuniform + life jacket ส่วนถุงมือต้องเตรียมเองพร้อมหมวกกันหนาว แต่เช้านี้อากาศกำลังดี ประมาณ3องศา เรือนั่งได้ประมาณ10คน ชมน้ำแข็งมี3สี สีขาว ฟ้า และดำ ดูสวยงามแปลกตา -- มีไกด์อธิบายถึงความเป็นมาของน้ำแข็ง
การล่องเรือประมาณ20นาที ไปอีกฝั่งเพื่อเดินไปถ่ายรูปจุดชมวิวglacier ที่ใกล้ที่สุด และนั่งเรือกลับ ไปที่base camp มีน้ำร้อน/กาแฟ ให้หลังชมทัวร์เสร็จ ทัวร์นี้ค่อนข้างคุ้มค่าเพราะบริการดีมาก และไม่เร่งรัดเวลา
13.00 ออกเดินทางไปน้ำตก "Skaftafell" (จากบริษัททัวร์ วิ่ง47km.) ไปถึงตอน 13.45
“Skaftafell Waterfall “
หนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์ สิ่งที่ทำให้น้ำตก Svartifoss เป็นที่นิยมนั้นไม่ใช่ความสูง แต่เป็นเสาหินBasalt สีดำที่งดงาม และโครงสร้างของโขดหินภูเขาที่เรียงเป็นแนวเสา ซึ่งเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อลาวาหลอมละลายที่พื้นผิวโลก เมื่อค่อยๆเเย็นตัวลงทำให้หินเรียงกันเป็นแท่งๆ ดูแล้วแปลกตาทีเดียว
แต่การเดินทางค่อนข้างลำบาก ระยะทางเดินถึงน้ำตก 1.6กม.เป็นทางขึ้นเขา ใช้เวลาเดินทางขึ้น 45นาที หากพาผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ไม่แนะนำคะ เพราะทางเดินเขาลำบาก และชันพอควร เมื่อ เดินเท้าเข้าใกล้น้ำตก ทางเดินจะเป็นดินโคลน และลื่น ต้องระวังมาก ขากลับค่อนข้างสบายเพราะเดินลง สลับกับทางขึ้นเขา ใช้เวลาขากลับประมาณ30นาที
ค่าจอดรถเข้า ISK 750 (รถไม่เกิน6คน)
ความลำบากในการเข้าถึง: สามารถเดินไป/กลับจากที่จอดรถ ถึงน้ำตก ประมาณ 1.30ชม.
17.30 เดินทางถึงทะเลสาบน้ำแข็งขนาดใหญ่อันดับ 3ของโลก “Jökulsárlón Glacier Lagoon” ตั้งอยู่หัวธารน้ำแช็งBreioamerkurjokull ทะเลสาบมีพื้นที่ใหญ่ขึ้นจากการที่ภูเขาน้ำแข็งได้ละลายลง เป็นทะเลสาบที่ลึกถึง 248เมตรลึกมากที่สุดในไอส์แลนด์
โดยเราสามารถชมความงามของก้อนน้ำแข็งใส สีขาว ฟ้า และดำ มีหลายรูปแบบ เห็นแมวดำดำผลุบโผล่กันเป็นฝูง ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้เข้าถึงสะดวกทีเดียวเดินไม่ไกลจากที่จอดรถเลย
19.00 ทานข้าวร้าน Pakkhús Restaurant ร้านเก่าแก่เปิดในปี 1932 ร้านแนะนำจากTripadvisor คะแนน4.5
โดยเมนูที่เราสนใจคือล๊อปสเตอร์ Langoustine และปลาทอด
ตัวร้านเป็นอาคาร2ชั้น ติดริมทะเลท่าเทียบเรือเฟอรี่ และเรือลำใหญ่ ด้านในตกแต่งด้วยไม้ ตัวโต๊ะนั่งและบริเวณกำแพงไม้มีตราแสตมป์บ่งบอกถึงความเก่าแก่ของตัวร้าน
มีที่นั่งริมหน้าต่างสามารถมองเห็นวิวอ่าวรวมถึงเรือลำใหญ่สีแดงที่ทางร้านใช้ในการจับ Langoustine
Opening hour: Winter 12.00-21.00
May-Oct. 12.00-22.00
20.00-21.00 ขับรถกลับรร.ประมาณ1ชม. อาบน้ำรีบแต่งตัวออกมาล่าแสงเหนือตอน 23.10คืนนี้ อุณหภูมิประมาณ-2องศา ลมแรง เมฆเยอะอีกตามเคย ทั้งๆที่ค่า KP3 ผิดหวังอีกตามเคยค่ะ
🏢Hali Country Hotel
7/04
ตื่นนอน7โมงเช้า
ทานอาหารเช้าที่รร. และcheck out ตอน8.20
วันนี้ต้องขับรถไกล ประมาณ520กม. เพื่อกลับไปทางRejkavik และขับเลยขึ้นไปอีกไปทางทิศตะวันตก เพื่อที่จะไปเที่ยวภูเขาโบสถ์ หรือภูเขาหมวก ที่มีชื่อที่สุดอีกแห่งของไอส์แลนด์” Kirkjufell “ คะ
วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสกว่าเมื่อวาน ระหว่างทางเราเลยแวะถ่ายรูปที่ Jökulsárlón และ Diamond beach อีกที
ขับรถต่ออีก 250กม. ไปเที่ยวธารน้ำแข็งที่เมืองVik ชื่อ “ Sólheimajökull” ระหว่างทางไปวิว2ข้างทางสวยงามคะ อดไม่ได้ที่ต้องแวะจอดถ่ายรูปตลอด รวมถึงม้าIcelandic Horse ที่แสนเชื่อง
14.00 ขับรถถึง“ Sólheimajökull” เป็นธารน้ำแข็งทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ระหว่างภูเขาไฟ Katla และ Eijafjallajökkull ส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งMýrdalsjökull
การเดินทางไม่ลำบาก จากถนนสาย1 เข้าไปประมาณ4กม. จะถึงที่จอดรถ ซึ่งจะเป็นสถานที่เดียวกันกับ บริษัทGlacier tour สำหรับคนสนใจเดินtracking ลำธารน้ำแข็งสามารถซื้อทัวร์ได้ที่นี่หรือทางเวป
*แต่ทัวร์เดินtracking ไม่แนะนำผู้สูงอายุ คะเพราะเดินไกล ต้องปีนเขา ไต่กำแพงน้ำแข็งคะ *
จุดเด่นของธารน้ำแข็งที่นี่ สะดวกในการเข้าถึง โดยเดินจากที่จอดรถ เข้าด้านในเพียง15นาที ก็จะเจอสันกำแพงน้ำแข็งที่สวยงามมากคะ
ความลำบากในการเข้าถึง : ไม่ไกลจากที่จอดรถ เดินประมาณ 15-20นาที
20.00 เดินทางถึงรร.ที่พัก พร้อมรับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม เมนูโปรดของเราคืนนี้คือ Lamb shank เนื้อแกะเลี้ยงในประเทศไอส์แลนด์ เนื้อแน่นดีจริง
หลังจากทานอาหารเสร็จ เราเช็คค่าแสงเหนือ คืนนี้ฟ้าค่อนข้างเป็นใจ เข้าเวปเช็คแสงเหนือที่แม่นที่สุดในไอซ์แลนด์ https://en.vedur.is/weather/forecasts/aurora/
โดยคืนนี้ค่าKP อยู่ระดับ3 ท้องฟ้าเคลียร์ไม่มีเมฆตั้งแต่เช้าแล้ว เราเริ่มตั้งขาตั้งกล้องและถ่ายตอน 23.30 (ช่วงเดือน4ที่มา พระอาทิตย์ตก20.30 และกว่าจะมืดสนิทก็4ทุ่มกว่า)
คืนนี้ แสงสีเขียวชัดเจน ดาวเยอะ สวยงามทีเดียวคะ ^^ ถึงว่า mission chasing the northern light completed ☺️✌🏻
🏢Rjukandi Hotel
8/04
8.40อาหารเช้ารร. Rjukandi รร.ที่พักเเบบFamily business ห้องพักประมาณ 10-15ห้อง ห้องกว้างขวางดี สิ่งที่ชอบคือความอบอุ่นของห้องพักที่เหมือนบ้านเลย มีทุกอย่างที่ต้องการครบ เตียงนุ่มสบาย อาหารอร่อยทั้งalacarte และอาหารเช้า บุฟเฟต์อาหารเช้า อาหารไม่เยอะมากแต่คุณภาพดี ยิ่งใครต้องการถ่ายแสงเหนือที่นี่ถือว่าดีทีเดียว ไม่ต้องขับรถไปไหน แค่ตั้งขากล้องหน้าห้องก็เห็นแล้ว จองห้องพักผ่าน www.expedia.com
9.45 check out
วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวที่ไอส์แลนด์คะ มาถึงอีกหนึ่งไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวมาเยือนไอส์แลนด์ต้องมาที่นี่ “ Kirkjufellfoss “ หรือ Church Mountain นักท่องเที่ยวคนไทย เรียกว่า ภูเขาโบสถ์ หรือ ภูเขาหมวก ใกล้กันกับภูเขามีน้ำตกKirkjufellsfoss ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาถ่ายรูปน้ำตกที่มีฉากหลังเป็นภูเขา
จากนั้นแวะเที่ยวชมวิว ไปดูแมวน้ำที่ริมทะเลที่ Vtri Tunga แต่ไม่เห็นนะคะ ได้ยินว่าต้องเป็นช่วงเช้าที่น้ำขึ้นสูง ตอนที่เราไปน้ำลดจากชายหาดลงมาก มองเห็นโขดหินทอดยาวเลยคะ
15.30เดินทางกลับ Reykjavík 138Km. ถึงประมาณ18.00 ถึงโรงแรมSkuggi Hotel รร.ที่เราเข้าเช็คอินในวันแรก พักผ่อนเตรียมเก็บของ เพื่อที่จะลำลาไอส์แลนด์ในวันรุ่งขึ้น
🏢Skuggi Hotel
9/04
อาหารเช้าที่รร. และ check out 9.00
เดินทางสู่สนามบิน และคืนรถ
Flight : Iceland- Oslo
KEF - OSL @ 12:25 - 17:05 (2h40m direct) DY1171 = ราคาตั๋ว £81.4 ราคารวมน้ำหนัก 20กก.
โดยสายการบิน Norwaygian airline
Self Check-inเองที่ตู้อัตโนมัติเพื่อรับ Baggage tag& Boarding pass
ถึงสนามบิน ซื้อตั๋วรถไฟ เข้าเมือง โดยซื้อผ่านตู้อัตโนมัติคะ โดยราคาตั๋ว(Adult€ 105)
18.40-19.03(23นาที) ถึงสถานีรถไฟOslo Ost. เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่มาก มีร้านอาหารเปิดเร็วปิดดึก ที่สำคัญมีsuper Coop ซึ่งเปิดตั้งแต่ตี5-22.00 ค่อนข้างสะดวกหากต้องการซื้อของกลับบ้าน
🏢 Comfort hotel børsparken oslo norway รร.นี้ ห่างจากสถานีรถไฟ400เมตร เดินประมาณ 15นาที ห้องพักกว้างพอใช้ แต่สิ่งอำนวยความสะดวกพวกกาต้มน้ำร้อนไม่มี แต่สามารถนำกระติกน้ำร้อนไปใส่น้ำได้ที่reception
คืนนี้จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเล็ก2ใบ เพื่อเดินทางไปBergen (2คืน)
10/04
ตื่นเช้า 5.30 ทานอาหารเช้า 6.30 ที่โรงแรม
วันนี้เราจะไปเมือง Bergen คะเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม พร้อมกับนั่งรถไฟขบวนที่สวยที่สุดในโลก จากนั้นล่องเรือชมฟยอร์ด
หลังจากเติมพลัง เดินไปสถานีรถไฟคะเดินไม่ไกลจากที่พักคะ
🚞รถไฟ Oslo-Myrdal 8.25-12.58
หากเดินทางจาก Oslo เพื่อจะไปนั่งรถไฟเพื่อเดินทางไปFlåm ต้องนั่งรถไฟขบวนนี้ก่อน โดยใช้เวลา4.30ชม. มีระบุที่นั่ง ที่นั่งค่อนข้างใหญ่ ชมวิวจากกระจกบานใหญ่เมื่อใกล้ถึงสถานี Myrdal แล้วก็จะเริ่มต้น เส้นทางรถไฟหนึ่งที่สวยที่สุดในโลก
🚞รถไฟ Myrdal- Flåm 13.27-14.25
เส้นรถไฟขบวนสีเขียว ด้านในที่นั่งเป็นไม้ ขบวนสุดคลาสสิคที่ได้ชื่อว่า One of the world's most beautiful train journeys วิ่งผ่าน Vatnahalsen - Kjosfossen (รถไฟจอด10นาที เพื่อถ่ายรูปน้ำตก"Kjosfossen") - Katdal- Berekvam- Flåmsdalen- Flåm โดยเส้นทางรถไฟนี้ใช้เวลาสร้างถึง20ปีเ ระยะทาง20กม. เริ่มตั้งแต่ปี 1923-1940 วิ่งผ่านอุโมงค์ทั้งหมด20อุโมงค์ โดยการเดินทางรถไฟสายนี้ใช้เวลา 1ชม.
เมื่อมาถึง Flåm ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ เป็นทั้งสถานีรถไฟและท่าเรือ รอบข้างมีร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก รวมถึง ซุปเปอร์Coop
รถไฟFlamsbana ถึงสถานีที่เมือง Flam จากนั้นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะขึ้นเรือเพื่อเดินทางสู่Bergen และเมืองต่างๆ
🛥⛴🛳นั่งเรือ 15.30-20.30 Flåm- Bergen
ล่องเรือชมFjord เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่นั่งเรือไกลที่สุด หนทางนี้เป็นอีกเส้นทางหนึ่งในการเดินทางไป Bergen สำหรับคนไม่อยากเปลี่ยนการเดินทางขึ้นๆๆลงๆ ตามที่คนส่วนมากจะเดินทาง
เราขึ้นเรือที่ท่าเทียบเรือNo.2 Fjord จุดเดียวกับที่ลงรถไฟ Flåmbanana เส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางเรือที่แล่นชมความงามของหุบเขาทั้งหมด ของ Sognefjord โดยใช้เวลานั่ง5ชม. เรือแล่น15.30 จากFlåm สู่ Bergen ตอน 20.30 สุดเส้นทางคือ Jotunheimen & Jostedalen national park
ค่าเรือ: Nok 680/คน
โดยส่วนใหญ่เส้นทางที่คนนั่งมากสุดคือ Sognefjord & Naeroyfjord in nutshell เป็นตั๋วชุด รถไฟ+ รถบัส+ นั่งเรือ (2ชม.) ใช้เวลาเดินทาง(เรือ+บัส ประมาณ4-5ชม.)ใกล้เคียงกับที่เราเดินทางดังข้างต้น แต่ต้องขึ้นรถบัสด้วย ไม่ค่อยเหมาะกับเราที่ต้องยกกระเป๋าเดินทาง และเราอยากนั่งเรือยาวๆ
แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือนั่งเรือชมแนวเขาของFjords การล่องเรือนี้เป็น1check list ที่ควรทำเมื่อมาNorwayคะ
ข้อมูลเพิ่มเติม: fjordtours.com
ถึงรร. Check in ตอน 20.40
พัก รร.OPUS XVI รร. ของเราคืนนี้เป็นรร.ใหม่สร้างมา 1ปี เดิมทีเป็นที่ตั้งของธนาคารเก่าแก่ที่ไอส์แลนด์ กำแพงโรงแรมจึงดูขลังมาก เราเลือกโรงแรมนี้เพราะตำแหน่งที่ตั้งดีมาก เดินไม่ไกลจากท่าเรือประมาณ10นาที ผ่านFish Market และอาหารเช้าที่นี่ดูดีทีเดียว
🏢Opus XVI , Hotel
11/04
8.00 อาหารเช้าที่รร. อิ่มอร่อยมากคะกับไลน์บุฟเฟต์ที่นี่ ทีแรกดูผ่านทางเวปก็น่าสนใจแล้ว พอได้มาทานเอง บอกเลยว่าสุดยอดค่ะ ส่วนตัวว่าแค่อาหารเช้าที่นี่ก็เกือบเท่าราคาห้องครึ่งราคาทีเดียว เริ่มกันที่อาหารร้อน ที่เลือกเองจากเมนูตรงโต๊ะ มีอาหารให้เลือก7-8อย่าง รวมถึงอาหารgluten-free และไลน์บุฟเฟต์อื่นที่แสนอลังการ
หลังจากอิ่มท้องแล้วมาท่องเที่ยวกันคะ เรามีเวลาที่Bergen 2คืน เราเลยชิลหน่อยค่ะ เพราะเมืองนี้เป็นเมืองเล็กหลายคนเลยพักเเค่1คืน ก็เที่ยวหมดแล้วคะ
สำหรับเราเมืองBergen เมืองเล็กๆที่ควรค่าแก่การมาเยือน
เมืองนี้มีความสำคัญอย่างไร -แต่เดิมเคยเป็นเมืองหลวงของนอร์เวย์
* ได้รับรางวัลUNESCO มรดกโลกทางวัฒนธรรม ซึ่งเราจะสังเกตุได้จาก บ้านเรือนเก่าๆ ซึ่งเมืองเบอร์เกินเป็นเมืองที่มีการอนุรักษ์บ้านเก่ามากที่สุดในโลก
* ท่าเรือของเรือ Cruise, เรือสำราญและที่ตั้งของกองทัพราชนาวีของชาวนอร์เวย์
สถานที่ท่องเที่ยวเดินตรง บ้านสีๆซึ่งเป็นบ้านอนุรักษ์สร้างมาประมาณ 300ปี (ก่อนหน้านี้อายุมากกว่า800ปี แต่เกิดไฟไหม้นะคะ เลยสร้างขึ้นใหม่ณ.สถานที่เดิม
หลังเดินเล่น แวะทานไส้กรอกร้านเด็ดที่ “3 Kroneren”
ร้านเด็ดที่ ได้คะแนนสูงจาก Trip advisor โดยเมนูเด็ดคือไส้กรอกเนื้อกวางเรนเดียร์ , เนื้อแกะ
ช่วงเย็นทานอาหารทะเลที่Fish Market ร้าน “Fjellskal “
🏢Opus XVI , Hotel
*ติดตามวันที่ 13,14 (ตอนจบ)ในหัวข้อเดิม Fall in ❤️In Norway &Iceland (The end)ได้คะ เราจะไปเที่ยวBergen ขึ้นกระเช้าชมเมือง และเที่ยวในเมือง Oslo รวมถึงแนะนำของซื้อ/ของฝาก ที่ออสโลคะ
ตามลิงค์--
https://www.wongnai.com/travel/trips/9ce5ec7db3514340b91b9e0e56d3375b
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ