วันหยุดมีน้อย ใครว่าจะเที่ยวไม่ได้… ของแบบนี้อยู่ที่ใจล้วน ๆ ประกอบกับเมืองรองนอกกระแสกำลังมา เลยต้องขอจัดเต็มแบบจุใจ 2 วัน 2 จังหวัด “พิษณุโลก-นครสวรรค์” กันซะหน่อย กับ เที่ยวพิษณุโลก-เที่ยวนครสวรรค์แบบ 2 วัน 1 คืน กับเมืองรองที่ต้องลองมา! แถมเป็นจังหวัดที่ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่แค่ภาคเหนือตอนล่าง หรือภาคกลางตอนบนนี่เอง นับวันรอแบบไม่ต้องลางาน พร้อมดูรูปที่เที่ยวเรียกน้ำย่อยไปพลาง ๆ เอาจริง ๆ ที่เที่ยวค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่เราต้องปักหมุดไปเลยว่า จะไปเส้นทางไหนจากกรุงเทพฯ และจะเที่ยวโซนไหนในจังหวัดนั้น ๆ เพราะว่าที่เที่ยวกระจายอยู่เต็มจังหวัด รอบนี้จึงขออาสาพาไปแอ่ว 2 จังหวัดเมืองรอง ในมุมที่น่าลองกว่าเดิม
DAY 1
ล้อหมุนออกจากกรุงเทพฯ ตี 5 จ้า เริ่มต้นวันหยุดตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ไก่ยังไม่ตื่น เพราะอยากมีเวลาเที่ยวให้เยอะขึ้นนั่นเอง ถึงแม้จะง่วงแค่ไหนแต่ใจสู้ตาย ขับรถมาเรื่อย ๆ ท้องเริ่มส่งสัญญาณ ร้องเป็นเพลง เราเลยตรงดิ่งไปมันดี กล่อง กลางทุ่ง เพื่อเติมพลังกันก่อน ระยะทางประมาณ 392 กิโลเมตร ใช้เวลาราว ๆ 5 ชั่วโมง ถึงจุดหมายประมาณ 10 โมงเช้า
1มันดี กล่อง กลางทุ่ง (cafe)
เป็นคาเฟ่ open-air ที่แท้ทรู ความฮิปของตัวร้านคือดัดแปลงตู้คอนเทนเนอร์มาต่อกัน มุมสุดฮิตคือโซนด้านนอก มีหมอนรอง ให้นั่งนอนรับลมธรรมชาติแบบฟิน ๆ พร้อมกับวิวทุ่งนาไกลสุดสายตา (เหมาะมากถ้ามาตอนแดดร่ม ๆ บรรยากาศดีงาม) เมนูอาหารและน้ำมีเยอะมาก เราสามารถเลือกสั่งได้ที่เคาน์เตอร์ก่อน จากนั้นจะได้เบอร์มา แล้วเราก็เลือกที่นั่งได้ตามใจ มีชั้น 2 ดูวิวมุมสูง หรือนั่งใต้ต้นไม้ก็ชิลล์ไปอีกแบบ เราสั่งเมนูสปาเกตตีลาบนักเก็ต รสชาติเปรี้ยวจัดจ้าน ร้านเปิดทุกวันเวลา 8.00 - 18.00 น. ถือเป็นร้านเท่ ๆ ที่ไว้แวะเติมพลังระหว่างทาง
2สวนบัวอมรรัตน์
หลังจากชาร์จพลังกายเรียบร้อย ไปต่อกันที่สวนบัวสุดฮิต ขับรถเข้ามาลึกหน่อยจะมีป้ายบอกทางตลอด จอดรถปุ๊บ เสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาท เป็นบริเวณของชาวบ้าน จัดทำขึ้นกันเอง มีร้านน้ำและผลไม้ตามฤดูกาลจำหน่าย ด้านในเราจะเจอกับสวนบัวกระด้งยักษ์ 2 สระ ถ้าใครสนใจจะยืนบนใบบัว ต้องติดต่อเจ้าของก่อน และปฏิบัติตามคำแนะนำทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดตกน้ำได้ เสียค่าบริการเพิ่มเติมคนละ 100 บาท แต่ถ้าใครไม่ยืน ในบริเวณนี้มีที่นั่งและมุมถ่ายรูปได้สบาย ๆ
3วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
ถ้ามาพิษณุโลกแล้วไม่ได้ไปวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารหรือวัดพระพุทธชินราช คงเหมือนมาไม่ถึง เราเลยต้องขอแวะสักการะพระประธานองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานในวิหารคือ “พระพุทธชินราช” หรือ “หลวงพ่อใหญ่” เพื่อความเป็นสิริมงคลกันหน่อย แนะนำว่าควรแต่งกายสุภาพ ผู้หญิงไม่ควรนุ่งสั้นและใส่เสื้อแขนกุด ภายในวิหารมีคนเยอะพอสมควร จะมีป้ายเตือนห้ามยืนถ่ายรูป แต่สามารถนั่งถ่ายได้
4ต้นไม้รูปหัวใจ บ้านสวนชมวิว
หลังจากอิ่มบุญ อิ่มใจ เราไปต่อที่อำเภอเนินมะปราง ต้นไม้รูปหัวใจจะอยู่ในบริเวณบ้านพัก “บ้านสวนชมวิว” ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของทริปนี้ เสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาท อยู่ได้จนกว่าจะเบื่อ ถ้าไปเสาร์-อาทิตย์จะได้นั่งชิงช้าเลื่อนได้แบบแอดเวนเจอร์ แต่ถ้าไปวันธรรมดาจะปิด แต่ดีตรงคนไม่เยอะ ไม่ต้องรอคิว เราสามารถเดินขึ้นบันไดไปนั่งชิงช้าตรงต้นไม้ได้เลย (ต้องมีอีกคนช่วยจับชิงช้านะ เพราะสูงอยู่ แอบเสียวเล็ก ๆ) วิวสงบเงียบ แถมลมเย็นสบาย
5เจ๊แว่นอาหารตามสั่ง
เราขับรถต่อไปที่บ้านมุง เพื่อหาอะไรกระแทกท้องมื้อเย็น จุดนี้หิวไส้กิ่ว แอบสืบทราบมาว่า ตอนเย็นจะมีค้างคาวออกมาจากถ้ำแถว ๆ นี้ด้วย ถามชาวบ้านแถวนั้นได้ความว่า ต้องไปแถว ๆ ร้านอาหารตามสั่งตรงหัวโค้ง เราเลยมาตามคำแนะนำ เพราะไหน ๆ ก็อยากดูค้างคาว แถมหิวด้วย เรียกว่าร้านเดียวจบ รสชาติเด็ดดวง วิวหลักล้าน แต่ราคาแค่หลักสิบ มื้อนี้จัดมาม่าขี้เมาทะเล กับกะเพรากุ้งข้าวโพดอ่อนราดข้าว
ป.ล. บ้านมุงเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบมาก อยู่ท่ามกลางภูเขา
6ชมค้างคาวนับล้าน ที่บ้านมุง
เพียงแค่เดินออกมาจากร้านเจ๊แว่น รอเวลาราว ๆ 6 โมง ค้างคาวนับล้านตัวค่อย ๆ บินออกมาจากเขา ตะลึงมากจ้า มากันเป็นสายเลย ราว ๆ 15 นาทีได้ พี่ ๆ แถวนั้นบอกว่า บางวันบินต่ำ แค่ต้นมะพร้าวเอง
7บ้านสวนริมผา กนิษฐาโฮมสเตย์
ถือเป็นการปิดวันที่สมบูรณ์แบบมาก เที่ยวตั้งแต่เช้ามืดยันค่ำ พร้อมเข้าที่พักกันแล้ว บ้านสวนริมผาอยู่หมู่บ้านรักไทย จะต้องขับขึ้นเขามา (ห่างจากบ้านมุงราว ๆ 40 นาที) เราพักกันที่บ้านแคปซูล คืนละ 1,800 บาท พร้อมข้าวต้มหมูฟรีตอนเช้า ไม่มีแอร์ (แต่ด๊อนแคร์ เพราะกลางคืนหนาวจนปากสั่น) ไม่มีทีวี แต่มีเน็ตแรง ๆ บ้านที่เราพักติดระเบียงชมวิว สามารถดูดาวตอนดึกหรือว่าวิวตอนเช้าได้แบบพาโนรามา ถือว่าคุ้มค่าจริง ๆ ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย สำหรับใครที่อยากได้วิวแบบนี้ ทางที่พักก็ใจดีให้เข้ามาถ่ายรูปฟรีด้วย
DAY 2
8นอกท่อง cafe’
เช้านี้ขับแค่ 2 ชั่วโมงข้ามจังหวัดมาที่นครสวรรค์ กับร้านกาแฟเปิดใหม่ที่จิ๋วแต่แจ๋ว มีเมนูอาหารจานเดียวที่ยังไม่เยอะมาก เราสั่งกะเพราหมูและหมูทอดจิ้มแจ่ว รสชาติอร่อยแถมราคาน่าคบ เมนูกาแฟอาจจะหวานไปหน่อย (ใครไม่ทานหวานอย่าลืมกำกับ) ร้านนี้คนยังรู้จักไม่เยอะ ทำให้บรรยากาศส่วนตัวมาก ถ่ายรูปสนุกเลย
9เขาหน่อ
มาถึงไฮไลต์ของนครสวรรค์กันบ้าง เติมพลังกายมาเรียบร้อย ถึงด่านทดสอบกำลังใจและกำลังขากันแล้ว ที่นี่คืออาณาจักรลิง ย้ำว่าอาณาจักรเพราะลิงเยอะมากแบบ ก ไก่ล้านตัว ต้องเอารถไปฝากในที่จอดรถตรงบริเวณวัดเท่านั้น เพราะจะมีกรงปิดกั้นจากลิงได้ ห้ามจอดที่อื่นเด็ดขาด ลุงที่รับฝากรถบอกว่ารถไม่เหลือสภาพแน่นอน ลิงจะแกะยางล้อ กระโดดบนหลังคา อย่าเสี่ยงดีกว่า (ฝากรถฟรี แต่แค่เดินไกลหน่อย)
แนะนำให้เตรียมน้ำดื่มไปให้เพียงพอ และรองเท้าผ้าใบที่ใส่แล้วทะมัดทะแมง กายพร้อมใจพร้อม ก็ลุยกันเลย! ตรงทางขึ้นจะมีป้ายบอกว่า ทางขึ้นเขาหน่อ เริ่มด้วยบันไดปูนราวๆ 600 กว่าขั้น เดินเมื่อยกันไป จุดนี้เหงื่อจะไหลเป็นสาย ขาจะล้า แต่ห้ามถอดใจ คิดซะว่าหมดบันไดปูนนี่คือครึ่งทางแล้ว ต่อด้วยบันไดเหล็ก ที่คล้ายๆ บันไดลิงอีก 6 ชุด ตรงนี้ควรระวังมาก เพราะชันและไม่มีเซฟตี้ใดๆ ต้องมีสติให้ดี ปีนอย่างเดียวแล้วจับราวให้แม่นๆ
แต่เชื่อเถอะ พอพ้นบันไดเหล็กขั้นสุดท้าย แค่หันหลังมา วิวเขาแก้วมันสุดยอดมาก เหมือน mission complete จงถ่ายรูปให้สมกับที่แบกสังขารขึ้นมา (ที่นี่ขึ้นฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย)
9ระหว่างเขาคาเฟ่
หลังจากกายหยาบได้ลงมาถึงข้างล่าง จุดนี้ตั้งแต่เอวลงไปแทบขยับไม่ไหว จึงขอแวะพักเหนื่อยกันหน่อย ร้านนี้อยู่ห่างจากเขาหน่อแค่ 500 เมตร เป็นวิวระหว่างเขาหน่อและเขาแก้ว ลองขึ้นไปเห็นวิวข้างบนแล้ว พอลงมาเห็นวิวจากข้างล่างก็สวยไปอีกแบบ สั่งน้ำเย็น ๆ มาดับร้อนให้ชื่นใจ นั่งจนหายเหนื่อยพร้อมลุยต่อ (ร้านปิดทุกวันจันทร์)
10วัดคีรีวงศ์
แวะสักการะพระจุฬามณีบนเขาดาวดึงส์ เดินขึ้นไปที่เจดีย์ชั้น 4 จะได้ชมวิวมุมสูงเมืองนครสวรรค์ ยิ่งวันที่ฟ้าเปิด อากาศเป็นใจ จะมองเห็นเขากบ บึงบอระเพ็ด ถ้าทิศตะวันออกจะมองเห็นตลาดปากน้ำโพ ส่วนทิศใต้จะเห็นวิวของอุทยานสวรรค์ เราว่าถ้ามาตอนพระทิตย์ตกคงสวยจนลืมไม่ลงเลยแหละ
ป.ล. ใครมีเวลา สามารถเดินจากวัดคีรีวงศ์ ไปหอชมเมืองก็ได้อยู่ใกล้ ๆ กัน
11อุทยานสวรรค์ (หนองสมบุญ)
ก่อนตะวันจะลาลับ เลยขอไปใช้ชีวิตช้า ๆ ที่สวนสาธารณะใจกลางเมืองสักนิด จุดเด่นที่มองเห็นมาแต่ไกลคือ มังกรสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง เดินตามทางไปเรื่อยๆ จะเจอสะพานแขวน เราสามารถให้อาหารปลาได้จากตรงนี้ มีวิวแม่น้ำด้านหลัง ที่นี่มีผู้คนมาวิ่ง มาปั่นจักรยาน มาปิกนิกกันเยอะพอสมควรเลย แถมร้านอาหารรอบ ๆ ก็มีหลายร้านให้ฝากท้อง
Tips
ขากลับจากนครสวรรค์ อย่าลืมซื้อของฝากโมจิ ไดฟุกุ ร้านดั้งเดิมคือร้านจันทรสุวรรณ์ แต่ถ้าเอาหลายรสชาติ แนะนำแม่กุหลาบสาขาใหญ่ มีขนมให้เลือกซื้อหลายอย่าง
สรุปค่าใช้จ่าย 2 วัน 1 คืน
- ค่าน้ำมันไป-กลับจากกรุงเทพฯ - พิษณุโลก - นครสวรรค์ 3,500 บาท
- ค่ากาแฟและอาหาร ร้านมันดี กล่อง กลางทุ่ง ราคา 438 บาท
- ค่าเข้าสวนบัวอมรรัตน์ 20 บาท (คนละ 10 บาท)
- ค่าเข้าชมต้นไม้รูปหัวใจ ที่บ้านสวนชมวิว 20 บาท (คนละ 10 บาท)
- ค่าอาหารเย็นที่เจ๊แว่นอาหารตามสั่ง 80 บาท
- ค่าที่พักบ้านแคปซูล บ้านสวนริมผา กนิษฐาโฮมสเตย์ 1,800 บาท (1 คืน)
- ค่ากาแฟและอาหารที่นอกท่องคาเฟ่ 195 บาท
- ค่ากาแฟที่ระหว่างเขาคาเฟ่ 65 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 6,118 บาท (ราคา 2 คน)
หลังจากได้พักกาย พักใจ กับทริป 2 วันเต็ม ๆ แล้ว ขอบอกว่าไม่พอจริง ๆ มาแล้ว ต้องกลับมาเก็บให้ครบอีกแน่นอน ณ จุดนี้ ยังเมื่อยขาไม่หาย แต่เป็นทริปที่สนุกสุดเหวี่ยงมาก ดีใจที่ได้ลองมา ดีใจได้ที่ลองมองเมืองรอง “พิษณุโลก-นครสวรรค์” เมืองที่ต้องมาให้รู้ ยิ่งมาดูยิ่งตกหลุมรัก! กับทริป เที่ยวพิษณุโลก - เที่ยวนครสวรรค์ เที่ยว 2 วัน กับเมืองรองที่ต้องลองมา! แต่ถ้ายังเที่ยวกันไม่จุใจ ก็ไปดูกันต่อได้ที่ ลุยเดี่ยว! ดูดาวที่ภูหินร่องกล้า และ 10 ที่เที่ยวพิษณุโลก ยังมีทริปน่าเที่ยวอีกมากมาย ติดตามกันต่อได้ในเพจ Wongnai Travel กันได้เลยครับ
อ่านบทความกันต่อได้ที่
รวมร้านเด็ดในพิษณุโลกน่าไปตามรอย
9 ที่พักพิษณุโลก สำหรับนักเดินทางสายลุย!
10 ร้านอาหารเด็ดในนครสวรรค์ ที่ไม่ควรพลาด
