เตรียมกระเป๋าไปหอบความสุข ลุยที่เที่ยวเพชรบุรี อีกหนึ่งที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ นั่งรถไฟไปไม่ไกลก็เที่ยวได้แบบจุก ๆ ทริปนี้แวนเก็บที่เที่ยวครบ ไหว้พระ บุกร้านเด็ด กินสารพัดเมนูสุดขึ้นชื่อทั้งคาวหวาน แถมเที่ยวประหยัดงบ เที่ยวทั้งวันใช้เงินแค่ 360 บาท! สงสัยล่ะสิแวนเที่ยวยังไง ตามมาเลยครับผมมม

เริ่มต้นการเดินทางฉบับเที่ยวประหยัดงบที่ “สถานีรถไฟธนบุรี” สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลศิริราช จุดสัญจรที่มีพ่อค้าแม่ขายเพราะมีตลาดขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากจะเดินทางไปเพชรบุรีแล้ว สถานีนี้ยังไปต่อยันหัวหิน มุ่งหน้าลงใต้ได้อีกด้วย

สำหรับทริปนี้ผมวางแผนการเดินทางมุ่งหน้าไปสู่เพชรบุรี โดยจะลงสถานีเพชรบุรีเก็บที่เที่ยวในตัวเมืองเพชรกัน วันนี้ผมได้ตั๋วรถไฟรอบ 07.30 น. “ตั๋วรถไฟเพชรบุรี” (ราคา 31 บาท) เมื่อถึงเวลา กระโดดขึ้นรถไฟมุ่งหน้าสู่จุดหมายในวันนี้กันเลย! เพื่อความประหยัด วันนี้ผมตื่นแต่เช้ามาทำแซนด์วิชไว้กินระหว่างเดินทางด้วย ไม่อยากจะโม้ว่าฝีมือผมนะเด็ดสุด ๆ ว่าแล้วก็กินสักหน่อยรองท้องไว้ก่อน กว่าจะถึงเพชรบุรีก็อีกสักระยะ อ่า~ เด็ดสุด ๆ

1สถานีรถไฟเพชรบุรี
ถึงแล้วครับ “สถานีรถไฟเพชรบุรี” เพียงเท้าสัมผัสพื้นก็รู้ได้เลยว่าที่นี่เด็ด ชักช้าอยู่ไย ไปตะลุยร้านเด็ด ที่เที่ยวเพชรบุรีกันเลยยย

2ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ๊กเม้ง (น้ำพุ)
เดินออกมาจากสถานีรถไฟเพชรบุรีประมาณ 12 นาทีก็จะถึง “ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ๊กเม้ง (น้ำพุ)” ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อรสเด็ดสูตรเฉพาะที่เปิดมานานกว่า 60 ปี ร้านตั้งอยู่บริเวณวงเวียนน้ำพุ คนในพื้นที่ต่างรู้จัก ร้านเด็ดที่ชาวเพชรแนะนำว่าห้ามพลาด ไม่รีรอผมขอสั่งเมนู “ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ” (ราคา 40 บาท) ก๋วยเตี๋ยวน้ำข้นร้อน ๆ เสิร์ฟพร้อมซอสพริก ความพิเศษที่หากินได้แค่ที่นี่ บอกเลยว่าใส่แค่ซอสพริกก็รสเด็ดไม่ต้องปรุง แต่หากใครไม่กินเนื้อร้านนี้ยังมีเมนูหมูให้รับประทานอีกด้วย ใครมาตะลุยที่เที่ยวเพชรบุรีต้องห้ามพลาด


3วัดข่อย
กินอิ่มแล้วเราไปเข้าวัดสวดมนต์ขอพรกัน เพราะที่นี่เป็นแดนธรรมะจะไม่ไหว้พระได้ยังไง จากร้านเจ๊กเม้งเราเรียกรถเล้ง รถโดยสารรอบเมืองของเพชรบุรีไปวัดข่อยกันครับ “รถเล้งไปวัดข่อย” (ราคา 30 บาท)

วัดข่อยเป็นอีกวัดเพชรบุรีสุดขึ้นชื่อ ที่มีพระบรมสารีริกธาตุให้สักการะบูชา แถมยังประดิษฐานอยู่ในอาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสลักษณะคล้ายยันต์ เรียกว่ายันต์ฉิมพลี เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยมาก ๆ เลยครับ

แอบบอกนิดนึงว่าใครมาไหว้พระวัดนี้เขามีทริคเพื่อความปังคือ การเวียนเทียนสามรอบนึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ก่อนจะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และขอพรได้ตามอัธยาศัยเลยครับ “ค่าทำบุญ" (ราคา 20 บาท)

4โอวทึ้ง (นายกี๋) สาขา 1
ไหว้พระเสร็จเราไปหาขนมหวานกินกันดีกว่า เดินไปประมาณ 12 นาทีก็จะถึงร้านขนมหวานเจ้าเด็ดเจ้าแรกในเพชรบุรี ตำนานความอร่อยกว่า 60 ปี “โอวทึ้ง (นายกี๋)” ร้านขนมหวานขวัญใจคนเพชรกับเมนูเด็ด “โอวทึ้งไอศกรีม” (ราคา 35 บาท) ลอดช่องน้ำตาลข้นเย็นชื่นใจกับความหวานจากน้ำตาลโตนดแท้ Top Up ด้วยไอศกรีมน้ำตาลโตนดรสเด็ด เย็นสดชื่นสุด ๆ ใครอยากกินก็แวะมาได้เพราะที่นี่เปิดทุกวันตั้งแต่ 09.30-17.00 น. ยกเว้นวันที่ออกอีเวนต์เพราะร้านนี้ทั้งเด็ดทั้งดัง



5ชุมชนริมแม่น้ำเพชรบุรี
กินของหวานดับร้อนกันเรียบร้อย เราไปลุยที่เที่ยวเพชรบุรีกันต่อที่ “ชุมชนริมแม่น้ำเพชรบุรี” ชุมชนเก่าสุดน่ารัก มีทั้งสตรีทอาร์ตสวย ๆ ของกินเด็ด ๆ ให้กิน เที่ยว ถ่ายรูป ได้จัดเต็มสุด ๆ ประเดิมที่แรกด้วย “วัดมหาธาตุวรวิหาร” วัดคู่บ้านคู่เมืองเพชรบุรี โดยผมนั่ง “รถเล้ง” (ราคา 20 บาท) จากโอวทึ้งไม่เกิน 5 นาทีก็ถึง วัดแห่งนี้ต้องบอกว่าสวยงามมาก ๆ นอกจากจะได้ไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ที่นี่ยังมีพระปรางค์ห้ายอดอันเป็นร่องรอยอารยธรรมแบบเขมรอีกด้วย



จาก “วัดมหาธาตุวรวิหาร” เราเดินไปอีกหน่อยก็จะเข้าสู่ชุมชนริมแม่น้ำเพชรบุรี ชุมชนเล็กแสนสงบที่มีสตรีทอาร์ตเป็นรูปน้องแมวน่ารัก ๆ ตลอดเส้นทาง ซึ่งเป็นฝีมือของชาวเพชรบุรีที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะสะท้อนเรื่องราวในชุมชนที่มักมีคนนำแมวและสุนัขมาปล่อยบริเวณนี้



แวะถ่ายรูปเสร็จแล้วผมก็ไปต่อที่ “ตั้งจิ้นฮะ” โรงเตี๊ยมเก่าที่เจ้าของเก็บสะสมของโบราณเอาไว้ ที่นี่เป็นบ้านพักอาศัยจึงปิดเอาไว้และจะเปิดให้เข้าชมได้เฉพาะช่วงเทศกาล แต่คุณลุงเจ้าของบ้านใจดี หากนักท่องเที่ยวคนใดสนใจก็สามารถกดกริ่งเรียกได้ ถ้าคุณลุงอยู่เปิดให้เข้าชมแน่นอน


เดินต่อไปอีกนิดก็จะเจอ “ร้านข้าวแช่แม่อร” ร้านข้าวแช่รสเลิศที่ขายมาตั้งแต่ปี 2524 ข้าวแช่สูตรเด็ดที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย มาทั้งทีผมจะพลาดได้ไงจัดมาเลย“ข้าวแช่” (ราคา 20 บาท) ชุดข้าวแช่ราคาถูกสุด ๆ ข้าวแช่หอม ๆ น้ำแช่สูตรพิเศษที่ผ่านกรรมวิธีสุดพิถีพิถันทั้งอบควันเทียนและน้ำอบดอกมะลิ เพิ่มความหอมแบบสุด ๆ ด้วยการลอยดอกกระดังงา เสิร์ฟพร้อมลูกกะปิ ปลากระเบนผัดหวาน และไชโป๊ผัดหวาน กลมกล่อมสุด ๆ


ผมยังกินไม่หนำใจ เดินออกจากริมน้ำมาอีกหน่อยจะเจอกับร้านค้ามากมาย ผมแวะซื้อ “ลูกตาลลอยแก้ว” (ราคา 10 บาท) ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปร้านขนมจีนเจ้าเด็ดที่คนเพชรแนะนำ ซึ่งร้านนี้เป็นหาบเล่อยู่ตรงข้ามอนามัย ที่ขายอยู่ที่เดิมมากว่า 60 ปี ร้านนี้มีแกงร้อนให้เลือกหลายอย่างเพราะคอยตั้งไฟอยู่ตลอด ที่สำคัญราคาถูกมาก ๆ “ขนมจีน” (ราคา 20 บาท) ราคานี้หาไม่ได้ที่กรุงเทพฯ หากใครอยากกินต้องบอกว่าร้านนี้ไม่มีชื่อร้าน แต่ถ้าถามชาวบ้านแถวนั้นว่าขนมจีนป้าอ้อยอยู่ไหน หาเจอแน่นอนครับผม



ปิดท้ายด้วยขนมไทย “ร้านแม่บุญสม ลูกสาวแม่ปิ่น” ร้านขนมไทยเจ้าดังเปิดมาหลายสิบปี ราคาไม่แพงแถมมีให้เลือกมากมาย ร้านนี้ขึ้นชื่อทั้งหม้อแกง ขนมชั้น ทองหยอด ฝอยทอง ที่รสชาติไม่หวานจนเกินไป แวนเลยจัดเต็มสั่งรวมกันหลายอย่างเลยครับ “ขนมไทย” (ราคา 70 บาท)


เที่ยวกินจนจุก กินกันจนอิ่มได้เวลากลับบ้านกันแล้วครับ ผมโบกรถเล้งหน้าตลาดเพื่อไปยังสถานีรถไฟเพชรบุรี “รถเล้งไปสถานีรถไฟเพชรบุรี” (ราคา 30 บาท) พอถึง “สถานีรถไฟเพชรบุรี” ผมต้องรีบวิ่งไปซื้อตั๋วเพราะรอบที่ถูกที่สุดและช้าที่สุดคือรอบ 15.00 น. ใครอยากอยู่เย็นอีกหน่อยก็ลองเพิ่มงบอีกนิดและนั่งรถตู้กลับนะครับ “ตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ" (ราคา 34 บาท)

สรุปค่าใช้จ่ายทริปเที่ยวเพชรบุรี

จบทริปนั่งรถไฟเที่ยวเพชรบุรีแบบจัดหนักจัดเต็ม กับการใช้เงินเพียง 360 บาท! ก็เที่ยวได้ครบเต็มอิ่มในวันเดียว ทั้งกิน เที่ยว ถ่ายรูป สำหรับใครที่อยากมาสัมผัสความน่ารักของผู้คน กินของอร่อยแบบผม พกเงิน 360 บาท ก็มาเที่ยวเพชรบุรี ได้เลย! หากใครอยากลองเที่ยวเพชรบุรีมากกว่าที่ผมพาไป ลองเข้าไปอ่าน 30 ที่เที่ยวเพชรบุรี แล้วจัดทริปลุยที่เที่ยวเพชรบุรีในแบบฉบับของคุณได้เลย นอกจากนี้ยังมี ร้านเด็ดเมืองเพชรบุรี ให้ไปลองชิมอีกด้วย ทริปต่อไปอยากให้ผมพาไปเที่ยวตามงบที่ไหนบอกผมได้ที่ Wongnai Travel เลยครับ เจอกันใหม่ทริปหน้า บ๊ายบายจ้ะพี่น้อง~