สวัสดีค่าทุกคน Super Sung คนดีคนเดิมกลับมารับใช้แฟน ๆ แล้วค่า เนื่องจากหายหน้าหายตา กลับมาวันนี้เลยขอพาทุกคนไป เช็กอินที่เที่ยวสุพรรณบุรีเปิดใหม่ ไหว้พระใหญ่สุด Unseen เช็กอินคาเฟ่ลับ! บอกเลยว่าตื่นตาตื่นใจแน่นอน เพราะแต่ละที่คือ โบ้ม ๆ ๆ ๆ เริ่มตั้งแต่คาเฟ่สุพรรณบุรีที่บรรยากาศดี จนอยากบอกต่อ! ตามมาด้วยพระแกะสลักหินขนาดใหญ่สุด Unseen แล้วก็แนะนำที่พักโดมใสลับ ๆ แล้วก็ลานกางเต็นท์กลางหุบเขา เหมาะสำหรับการมาเที่ยวกุ๊กกิ๊ก ฟีลโรแมนติกกับแฟนกระหนุงกระหนิง~ แต่คนโสดสนิทอย่างซังก็บ่ยั่นค่ะ สนุกสนานได้ทั้งทริปเหมือนเดิม แล้วปิดท้ายที่ร้านอาหารสุพรรณบุรีชื่อดัง ไปกินกุ้งแบบจุก ๆ ให้หนำใจ พูดแค่นี้อาจจะไม่เห็นภาพ เก็บกระเป๋าไปเที่ยวสุพรรณบุรีกันเลยดีกว่าค่า
แผนที่เที่ยวสุพรรณบุรี
1A Life cafe & gallery
ก่อนจะออกเดินทางไปเที่ยวสุพรรณกันแบบเต็มอิ่มจุใจ ก็ขอเติมพลังกันที่คาเฟ่สุพรรณบุรีลับ ๆ ที่ตั้งอยู่ที่อำเภออู่ทองอย่างร้าน “A Life cafe & gallery” ที่บอกว่าเป็นคาเฟ่ลับเนี่ย เพราะเขาตั้งอยู่ในซอยที่เข้ามาค่อนข้างลึกนิดนึง แต่ถ้ามาตามแมพและสังเกตป้ายเอา รับรองว่าไม่มีหลงแน่นอนค่ะ พอได้เข้ามาในบริเวณร้าน บอกเลยว่าเหมือนเดินอยู่ที่สวนสวยสไตล์อังกฤษ ตัวคาเฟ่เป็นสไตล์บ้านอิฐ ถูกปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อยสีเขียว สนามหญ้าสีเขียว
นอกจากบรรยากาศภายในคาเฟ่ที่ดี๊ดี ถ่ายรูปสวยสุด ๆ แล้ว ตอนที่เราเดินเข้ามาก็มีเจ้าหมูสับ เจ้าของบ้านตัวจริงมานั่งทักทายเราอีกด้วย ดูท่าจะซนไม่เบาเลยค่ะเจ้าตัวนี้ พอเดินเข้ามาด้านในร้านก็ให้บรรยากาศอีกรูปแบบนึง มีความเรียบ เท่ เพิ่มความสดชื่นสบายตา ด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ทั้งไม้เลื้อย และไม้ประดับต่าง ๆ แถมยังมีการตกแต่งด้วยของวินเทจที่ดูเข้ากันสุด ๆ บอกเลยว่าเข้ามาในร้านนี้แล้ว มุมไหนก็ถ่ายรูปสวยแน่นอนค่ะ
นอกจากบรรยากาศร้านที่ให้ 10 เต็ม 10 แล้ว ที่ร้านเขามีจุดเด่นไม่ว่าจะเป็นกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ เค้กที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารอีกด้วย ทางเราสั่งเมนู “Sun Rise” (ราคา 135 บาท) ตัวแทนของความสดชื่นอย่างส้ม ที่ผสมลงไปในตัวกาแฟทำให้เกิดรสชาติที่แปลกใหม่ เพิ่มความสดใสในตอนเริ่มต้นวันได้เป็นอย่างดี และสำหรับใครที่ไม่ชอบดื่มกาแฟ เมนู “โกโก้โอริโอ้” ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยละค่ะ นอกจากนั้นเราก็สั่ง “บลูเบอร์รีครีมเค้ก” รสชาติแสนละมุน เปรี้ยวอมหวานกำลังดี และปิดท้ายที่ทาร์ตชาเชียว สาวกชาเขียวต้องถูกใจ เพราะกลิ่นชาเขียวเตะจมูกจนหยุดกินแทบไม่ได้เลยค่ะ หลังจากเติมพลังด้วยเครื่องดื่มและขนมแสนอร่อย แล้วก็ได้ภาพสวย ๆ แล้ว ทีนี้เราก็พร้อมเดินทางไปเช็กอินที่เที่ยวสุพรรณบุรีที่ต่อไป ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้าน “A Life cafe & gallery” นั่งรถประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วละค่ะ
2วัดเขาทำเทียม
ที่เที่ยวสุพรรณบุรีที่ต่อไปที่ซังพาทุกคนมาเที่ยวก็คือ “วัดเขาทำเทียม” ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” หรือที่คนสุพรรณบุรีเรียกกันว่า “หลวงพ่ออู่ทอง” เป็นพระพุทธรูปแกะสลักผาหิน สร้างขึ้นในพื้นที่ของเหมืองหินเก่าที่รกร้าง เพื่อใช้เป็นอุทยานทางพระพุทธศาสนา และให้เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดสุพรรณบุรี การออกแบบพระพุทธรูปที่จะใช้แกะสลักบนหน้าผาของเขาทำเทียม โดยจะให้เป็นพระพุทธรูปที่มีลอยนูน เป็นพระพุทธรูปที่มีความสวยงาม โดยหลวงพ่ออู่ทอง มีความสูง 108 เมตร ฐานกว้าง 88 เมตร หน้าตักกว้าง 65 เมตร อยู่ในพื้นที่กว่า 100 ไร่ ขนาดว่านั่งรถมาจากไกล ๆ ก็ยังมองเห็นความยิ่งใหญ่ และความสวยงามของตัวองค์พระ ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่น และสวยงามมากเลยค่ะ
นอกจากองค์พระพุทธรูปแกะสลักหินขนาดใหญ่แล้ว ยังมีหน้าผาหินที่รายล้อมองค์พระพุทธรูป เปิดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาสักการะ และถ่ายรูปเก็บภาพความสวยงาม นอกจากนี้ด้านหลังพระพุทธแกะสลักหิน ก็มีถ้ำลึกประมาณ 20 เมตร โดยภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ และพระแม่ธรณีบีบมวยผม ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเข้ามาสักการะ เข้าไปปฏิบัติธรรม และสามารถเดินลอดผ่านได้ นอกจากนี้บอกเลยว่าวิวรอบ ๆ บริเวณนี้ก็สวยงามเหมือนกันค่ะ มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ และมีศาลาให้มานั่งพักชมวิว ใครที่มองหาที่เที่ยวสุพรรณบุรีใหม่ ๆ แนะนำให้แวะมาเที่ยวที่นี่ รับรองว่าต้องอึ้งกับความสวยงามอลังการของพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ หรือองค์หลวงพ่ออู่ทองแกะสลักหินแน่นอนค่ะ
หลังจากที่ไหว้พระทำบุญกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่เราจะเดินทางไปยังจุดหมายสุดท้ายของวันนี้นั่นก็คือการไปนอนชิลที่โดมใสกันที่ “La Colline Campground” ซึ่งบอกเลยว่าเป็นไฮไลต์ของทริปนี้ ก็แหม.. รูปในโซเชียลเป็นเหตุสังเกตได้ การเดินทางจาก “วัดเขาทำเทียม” ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ก็ถือว่าไกลจากบริเวณเมืองพอสมควร แนะนำว่าถ้ากลัวขาดเหลืออะไร ใครเป็นสไตล์ของต้องครบ ก็แวะตามร้านสะดวกซื้อ ตุนของกันไว้ เพราะทางเราถือคติ “เหลือย่อมดีกว่าขาด” หรือเรียกแบบไม่เข้าข้างตัวเองก็คือ “บ้าหอบฟาง” นั่นเองค่ะ ฮ่า ๆ ๆ จากที่ดูข้างทาง เหมือนจะไม่ค่อยมีร้านสะดวกซื้อสักเท่าไร แล้วก็ที่สำคัญเลยคือ คลื่นมือถือจะไม่ค่อยเข้าถึงเท่าไรนะคะ แต่ก็ถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ใช้เวลากับคนข้าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ไปเลย~
3La Colline Campground
และแล้วเราก็มาถึงที่พักสุพรรณบุรีของเราคืนนี้ “La Colline Campground” ไฮไลต์ที่ใฝ่ฝัน หลังจากเห็นรูปในโซเชียลก็อดใจไม่ไหว กอดขาทีมงานขอมาเที่ยวที่นี่ เห็นรูปว่ากรี๊ดแล้วนะคะ แต่พอมาถึงที่จริงคือ พูดได้มั้ยคะพี่จี้! มันดีย์มากกกกกก ปังปะระรังปังปี้มาก ยิ่งเรามาถึงตอนช่วงเย็น ๆ แดดร่ม ลมตก ฟ้าเริ่มถูกย้อมเป็นสีคราม แต่ก่อนอื่นใด ขอแนะนำก่อนว่าที่นี่คืออะไรยังไง ก็คือ “La Colline Campground” เรียกได้ว่าเป็นลานกางเต็นท์ และที่พักบนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็ก ๆ เอียงลาดไปจนจรดกับแอ่งน้ำ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำลำตะเพิน โดยคำว่า La Colline ก็แปลว่าเนินเขานั่นเองค่ะ
จังหวะที่นั่งรถมาถึง เราจะได้เห็นพื้นที่กว้างริมน้ำ และมุมวิวอ่างเก็บน้ำลำตะเพินแบบพาโนราม่า มองไปได้ไกลสุดสายตา ลองคิดภาพว่าข้างหน้าเราเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ แล้วมีหุบเขาเล็ก ๆ สลับกันเป็นแบ็กกราวนด์ให้เราอยู่ข้างหลังจะฟินแค่ไหน ถึงอธิบายก็คงจะไม่เท่าตาเห็นค่ะ ใครที่อยากมากางเต็นท์นอนที่นี่อัตราค่ากางเต็นท์ท่านละ 100 บาท/คน/คืน มีบริการห้องน้ำรวมมีจุดต่อไฟให้บางบริเวณ เต็นท์โดม 1,600 บาท/คืน (พักได้ 2 ท่าน มีแอร์และห้องน้ำพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นภายในเต็นท์) แต่ราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงเวลานะคะ ส่วนใครที่อยากมานอนกางเต็นท์ชิล ๆ แต่ไม่ได้เตรียมเต็นท์มาเอง ที่นี่ก็มีบริการให้เช่าเต็นท์+ทาร์ป สนนราคา 300 บาท/คืน
มาถึง “La Colline Campground” ต้องห้ามพลาดกิจกรรมไฮไลต์อย่าง พายบอร์ด SUP ตกปลา หรือเล่นกิจกรรมทางน้ำกันบริเวณหน้าที่พัก งานนี้เนื่องจากขาซังยังไม่หายสนิท เลยส่งตัวแทนอย่าง “พี่ปั้น” พี่ชายว่าที่คุณพ่อลูกหนึ่งของเรา ออกไปลุยแทน ถึงแม้ช่วงแรกจะยังทรงตัวไม่ได้ แต่พอทรงตัวอยู่คุณพี่เขาก็ดูจะเอ็นจอย เล่นเพลิน ๆ แถมยังได้รูปเท่ ๆ กลับบ้านไปอีกค่ะ เพื่อน ๆ ที่มาพักที่นี่ แนะนำว่าห้ามพลาด โดยค่าเช่าบอร์ดยืนพาย 2 ชม. 300 บาท
หลังจากที่พี่ปั้นเล่น SUP Board อย่างสนุกสนาน ก็ถึงเวลามื้อเย็นของเราแล้ว มานอนพักเต็นท์แบบนี้ จะพลาดบาร์บีคิว ปิ้งย่าง กิจกรรมประจำการตั้งแคมป์ได้ยังไงคะ ใครมาพักที่นี่ก็ไม่ต้องแบกอุปกรณ์มาให้หนักเลยค่ะ ติดต่อพี่ ๆ บริเวณที่พักได้เลย พี่ ๆ เขาจะจัดเตรียมอุปกรณ์ให้ครบ มีทั้งเตาปิ้งย่างพร้อมถ่าน 70 บาท (ซื้อถ่านเพิ่มถังละ 30 บาท) หรือไม่อยากจะรอนานก็เตาแก๊สกระป๋องพร้อมแก๊สกระป๋องใหม่ 100 บาท จัดไปได้เลย มีบริการเนื้อหมู เนื้อไก่ ไว้สำหรับปิ้งบาร์บีคิว
ใครที่กลัวไม่จุใจ ก็ซื้อของสดเตรียมไว้แล้วมาปิ้งบาร์บีคิวเพิ่มเองก็ย่อมได้ค่า งานนี้พี่ปั้นใจดีรับสาขานักปิ้ง นักย่าง ให้น้องรอกินแบบสบายใจเฉิบ ได้กินบาร์บีคิวร้อน ๆ นั่งชิลหน้าที่พัก ฟินสุด ๆ ไปเลยค่ะ หลังจากที่กินเสร็จ เราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะทริปเที่ยวสุพรรณบุรีของเรายังไม่หมดเพียงเท่านี้ คืนนี้ขอตัวลาไปก่อนค้าบบบบ~
นกที่ตื่นเช้า ก็คือนกที่ตื่นมาถ่ายรูป! บอกเลยว่าช่วงเวลาสุดพีคของวิวที่ “La Colline Campground” แนะนำว่าเป็นช่วงเช้า ๆ ที่หมอกยังปกคลุมบริเวณหุบเขาด้านหน้าที่พัก และปกคลุมอ่างเก็บน้ำลำตะเพิน เป็นภาพที่ใครเห็นแล้วต้องร้องกรี๊ดเลยค่ะ ซังกับพี่ปั้นก็ไม่พลาด ถ่ายรูปสวย ๆ เก็บเป็นที่ระลึกกัน ถ่ายรูปและเสพบรรยากาศสวย ๆ ยามเช้ากันจนอิ่มหนำ เราก็พร้อมพุ่งไปที่จุดหมายสุดท้ายของทริปเที่ยวสุพรรณบุรีของเรา ส่วนใครที่อยากจะชิล ๆ ใช้เวลาให้เต็มที่กับที่พัก เขาก็มีอาหารเช้าให้บริการนะคะ มีทั้ง “ไข่กระทะ” และ “ข้าวต้มหมูสับ” ราคาชุดละ 60 บาทครับผม แต่มื้อเช้านี้เราขอข้ามไป เพราะเราจะไปเช็กอินปิดท้ายที่ร้านอาหารสุพรรณบุรีเจ้าเด็ด พร้อมแล้วเก็บกระเป๋าขึ้นรถมาพร้อมเราเลยค่า
4กุ้งเป็น (Kungpen)
ถ้าพูดถึงร้านอาหารสุพรรณบุรีชื่อดังที่หลายคนรู้จัก เชื่อว่าร้าน “กุ้งเป็น (Kungpen)” ต้องเป็นอีกหนึ่งร้านที่หลายคนต้องเคยแวะมากินอย่างแน่นอน วันนี้เลยเอาใจพี่ปั้นชวนมากินกุ้งแบบโบ้ม ๆ ๆ ถือเป็นการฉลองมิตรภาพความเป็นพี่น้องของเรามาอย่างยาวนาน (เล่นใหญ่มาก) ฮ่า ๆ จริง ๆ ก็คืออยากกินนั่นแหละคะ แล้วก็อยากพาเพื่อน ๆ มากินด้วย เผื่อใครมาเที่ยวสุพรรณบุรีแล้วอยากหาร้านเด็ดกิน จะได้มากินตามกันได้ง่าย ๆ เด็ดไม่เด็ดยังไงร้านนี้เขาก็ได้การันตีเป็นร้าน Wongnai Users' Choice 2020 นะคะคุ้ณ~
เมนูเด็ดที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็ต้องเป็นเมนูกุ้งแม่น้ำ ซึ่งเราสามารถเลือกกุ้ง และเลือกมาทำเมนูได้ตามสะดวก ราคากุ้งก็จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับช่วงเวลาค่ะ เพื่อน ๆ สามารถมาเช็กราคาที่หน้าร้านได้เลย มาถึงปุ๊บก็ไม่รอช้า สั่งอาหารกันแบบรัว ๆ เริ่มที่เมนูห้ามพลาด “กุ้งเผา” (ราคาตามน้ำหนัก) ก็คงไม่ต้องพูดถึงความสดนะคะ ยิ่งใครเป็นสาวกหัวกุ้งแบบซังแล้ว รับรองว่าฟินมากกกก ต่อกันที่อีกเมนูเด็ดไม่แพ้กันนั่นก็คือ “กุ้งทอดเกลือ” (ราคาตามน้ำหนัก) รสชาติของซอสที่ตัดกับตัวกุ้งก็คือ เอาไป 10 คะแนน ขออนุญาตไม่หักเลยค่ะ ตามมาด้วยเมนูเบา ๆ “กุ้งหลน-ผักสด” (ราคา 160 บาท) รสชาติละมุนลิ้น แล้วก็ต่อด้วย “น้ำพริกกุ้งสด-ผักสด” (ราคา 160 บาท) กินผักแกล้มน้ำพริกคือ ดีย์ ลงตัวเป๊ะ ตัดเลี่ยนกันที่เมนูสุดแซ่บกับของดีเมืองสุพรรณอย่าง “ต้มยำปลาคัง” (ราคา 200 บาท/หม้อ) ที่ซดไปแล้วคล่องคอ แซ่บซี้ดถึงใจ
ปิดท้ายกันที่เมนู “ยำตำลึงกรอบ” (ราคา 100 บาท) ทอดมาใหม่ ๆ ร้อน ๆ ราดน้ำยำที่เสิร์ฟมาคู่กันบอกเลยว่ากรอบเกรียวเคี้ยวเพลินมากจริง ๆ ค่ะ ถือเป็นการปิดทริปที่ฟินถูกใจซังมาก ๆ เลิฟเลย! ใครมาเที่ยวสุพรรณบุรี แนะนำว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะทุกคนนนนน~
กินอาหารที่สั่งจากร้าน “กุ้งเป็น (Kungpen)” กันจนเกลี้ยง ขากลับคือตาแทบปิด กินแบบจัดเต็ม แถมยังได้เที่ยวสุพรรณบุรีในมุมมองใหม่ ๆ ทั้งที่เที่ยวแบบ Unseen แวะไปสักการะพระพุทธรูปแกะสลักหิน และเห็นความยิ่งใหญ่อลังการด้วยตาตัวเอง แล้วยังได้แวะไป Hopping ที่คาเฟ่สุพรรณบุรีลับ ๆ ที่ไม่บอกก็แทบจะไม่รู้ว่ามีคาเฟ่สุพรรณบุรีสุดชิคแบบนี้ตั้งอยู่ด้วย และไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือที่พักแคมป์กลางหุบเขา ใครที่ไม่รีบร้อนลองมาใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์กันได้แบบสบาย ๆ เลยค่ะ แล้วก็ปิดท้ายด้วยเมนูกุ้งแม่น้ำเผาของโปรดที่ถูกรังสรรค์มาเป็นเมนูแสนอร่อย ทำให้ทริปนี้ซังแฮปปี้ มีความสุขสุด ๆ :)
เที่ยวสุพรรณบุรี 2 วัน 1 คืน ทริปนี้ หวังว่าเพื่อน ๆ จะชอบทริปเที่ยวสุพรรณบุรีของซังกับพี่ปั้นทริปนี้นะคะ บอกเลยว่าส่วนตัว แย่งกันเล่นมุข หัวเราะกันจนคอแห้ง หลายคนอาจจะคิดว่าสุพรรณบุรีไม่มีที่เที่ยวใหม่ ๆ เช็กอินที่เที่ยวสุพรรณบุรีเปิดใหม่ ไหว้พระใหญ่สุด Unseen เช็กอินคาเฟ่ลับ! อ่านบทความทริปเที่ยวนี้แล้วตามลายแทงไปเที่ยวกันได้เลย มีทั้งพระใหญ่สุด Unseen ร้านคาเฟ่ในสวน มุมถ่ายรูปจุก ๆ แล้วก็ยังมีที่พักโดมใสนอนดูดาวได้แบบโรแมนติ๊กกก โรแมนติก บอกเลยว่าแต่ละที่ดีงาม! ให้สิบคะแนนไม่หัก ไม่ว่าจะไปเที่ยวกับแฟน ไปเที่ยวกับแก๊งเพื่อน หรือจะไปกับครอบครัวก็ได้หมด สนุกไม่แพ้กันค่ะ ใครที่ยังไม่จุใจลองไปอ่านทริปเที่ยวตามสั่งของพี่แวนกับ งบ 700 บาท! นั่งมินิบัสบุกที่เที่ยวสุพรรณบุรี กินอิ่มเที่ยวฟินตลอดทริป
