ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ชีวิตประจำวันของเราต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์เกือบทุกวัน โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศ นอกจากการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมแล้ว ยังหนีไม่พ้นการที่ต้องจ้องหน้าจออยู่ตลอดเป็นเวลานาน ๆ ทำให้มีอาการปวดเมื่อยตา ตาแห้ง แสบตา เคืองตา ตาพร่ามัวบ้าง ซึ่งอาการเหล่านี้อาจบ่งบอกว่าเรากำลังเสี่ยงต่อการเป็น Computer Vision Syndrome การไม่สบายทางสายตาและการมองเห็น
Computer Vision Syndrome โรคปัญหาทางสายตาของคนรุ่นใหม่

Computer Vision Syndrome คือ อาการทางตาและการมองเห็น ที่มีผลมาจากการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งความรุนแรงของอาการจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาของการใช้งาน อันที่จริงแล้วเวลาทำงานกับคอมพิวเตอร์ ดวงตาของเราจะถูกใช้งานแตกต่างจากการอ่านตัวอักษรบนหน้ากระดาษ ไม่ว่าจะเป็นระยะการมอง หรือมุมที่ต้องก้มขณะที่อ่าน บ่อยครั้งที่พบว่าตัวอักษรบนหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นมีความชัดเจนไม่เพียงพอ รวมทั้งความสว่างของหน้าจอที่ไม่เหมาะสม ปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้เราต้องใช้สายตามากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดความเมื่อยล้าจากการใช้งานเป็นระยะเวลานาน ซึ่งพบว่าผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเกิน 3 ชั่วโมง จะมีความเสี่ยงที่จะเป็น Computer Vision Syndrome ได้สูง
สาเหตุของอาการ Computer Vision Syndrome

สาเหตุก็มีด้วยกันหลายอาการ เช่น ภาวะแสงในขณะทำงานไม่เพียงพอ แสงสะท้อนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ตำแหน่งของหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือการจัดท่านั่งที่ไม่เหมาะสม รวมถึงภาวะสายตาที่ไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะสายตายาวหรือสายตาเอียง เป็นต้น
อาการของ Computer Vision Syndrome

สังเกตอาการง่าย ๆ เริ่มจากมีอาการ ปวดบริเวณรอบดวงตา ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว ตาฝืดแห้ง แสบตา เคืองตา การมองโฟกัสได้ช้าลง อาจมีอาการปวดคอและไหล่ร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้มักเป็นชั่วคราวและหายไปเมื่อได้พักจากการใช้คอมพิวเตอร์
การป้องกัน Computer Vision Syndrome

เริ่มจากการใช้คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม หน้าจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตา 15-20 องศา และบริเวณกลางหน้าจอควรอยู่ห่างจากใบหน้า 50-70 ซม. จัดวางหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในมุมที่ไม่มีแสงจากภายนอกมาตกกระทบ หรือเลือกใช้หน้าจอชนิดที่ลดแสงสะท้อน และปรับตั้งความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสม ควรมีการพักสายตาระหว่างการใช้งานทุก ๆ 20 นาที โดยการมองออกไปที่ระยะไกล เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที และควรหยุดใช้งาน 15 นาที หลังจากที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเกิน 2 ชั่วโมง
รู้แล้วควรระวังกันด้วยนะคะ บางคนอาจจะเป็นโรคนี้โดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน และถ้าปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไขที่สาเหตุ อาการที่กล่าวมานั้นก็จะกลับเป็นซ้ำ และอาจมีความรุนแรงมากขึ้นได้ในอนาคต อาการเหล่านี้จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นปัญหาที่เรื้อรังและแก้ไขได้ยาก อย่าลืมหมั่นดูแลสายตาของเรากันด้วยนะคะ เพื่อการมองเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่…