หากใครที่ยังไม่ค่อยรู้จักกับ โรคหอบจากอารมณ์ (Hyperventilation Syndrome) เราสามารถเรียกได้อีกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น โรคหายใจเกิน, โรคภาวะระบายลมหายใจเกิน, โรคมือจีบเท้าจีบ หรือโรคไฮเปอร์เวน ซึ่งโรคนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวที่เราไม่ควรประมาท! เพราะเป็นโรคที่เกิดจากอารมณ์เป็นสำคัญ ใครที่มีภาวะเครียดง่าย มีภาวะความกดดันตนเองบ่อย ๆ ต้องระวังไว้!
โรคหอบจากอารมณ์ (Hyperventilation Syndrome) โรคใกล้ตัวที่ไม่ควรประมาท!
โรคหอบจากอารมณ์ คือ โรคที่มีอาการหายใจหอบเร็วและลึกอยู่นาน จนทำให้เกิดความผิดปกติของค่าสารเคมีในเลือด ทำให้มีอาการต่าง ๆ ทางร่างกายติดตามมา อาการดังกล่าว มักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีภาวะวิตกกังวล หรือได้รับความกดดันทางจิตใจ มีความเครียดบ่อย ๆ ก่อนหน้าที่จะมีอาการ ซึ่งอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว อาจจะไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต หากไม่ได้เกิดจากสาเหตุทางกายอื่น ๆ
อาการของโรคหอบจากอารมณ์เกิดจาก
ลักษณะอาการที่เกิดขึ้น จะมีอาการหายใจหอบเร็ว บ่นหายใจลำบาก หน้ามืด เวียนศีรษะ ใจสั่น อาจพบอาการเกร็ง มือจีบ เท้าจีบ และอาจมีอาการชาบริเวณรอบปากและนิ้วมือได้ ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดลดลง ทำให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่สมอง รวมทั้งค่าแคลเซียมลดลงที่เป็นตัวออกฤทธิ์ในเลือดลดลงด้วย อาการดังกล่าว มักสัมพันธ์กับภาวะวิตกกังวล โดยก่อนเกิดอาการอาจพบว่า มักมีปัญหากดดันจิตใจอย่างเห็นได้ชัด เช่น ทะเลาะกับคนใกล้ชิด คนในครอบครัวหรือที่ทำงาน หรือมีปัญหาด้านการเรียน มีเรื่องที่ทำให้เสียใจ เป็นต้น
โรคหอบจากอารมณ์ พบในกลุ่มบุคคลใด
อาการดังกล่าวพบบ่อยในผู้หญิง วัยเรียน ถึงผู้ใหญ่ตอนต้น ก่อนเกิดอาการมักมีปัญหากดดันจิตใจ แต่ควรระมัดระวังในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่เดิม หรือบุคลิกเดิมของคนนั้นไม่มีปัญหาในการปรับตัวกับภาวะความกดดันมาก่อน ผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันในภาวะความเครียดและความกดดันสูง
วิธีรักษาอาการโรคหอบจากอารมณ์
เมื่อมีอาการพยายามหายใจให้ช้าลง หรือให้หายใจในถุงกระดาษที่ครอบทั้งปากและจมูก รวมทั้งการได้รับยาในกลุ่มยาคลายกังวล จะช่วยให้อาการหายใจหอบทุเลาลง แต่หากผู้ป่วยไม่สามารถกินยาได้ แพทย์อาจพิจารณาให้ยาฉีด ซึ่งจะออกฤทธิ์ได้รวดเร็ว ผู้ที่เป็นโรคนี้ควรได้รับการอธิบายเพื่อให้เข้าใจถึงกลไกการเกิดอาการ รวมทั้งได้รับความมั่นใจว่าอาการดังกล่าวไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต และควรให้มาติดต่อรักษากับแพทย์ตามขั้นตอนต่อไป
ต้องมีการบำบัดหรือรักษาอาการทางจิตหรือไม่
ควรได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมเมื่อเกิดอาการ เนื่องจากอาการหอบทางอารมณ์ มักสัมพันธ์กับความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ดังนั้นควรได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการรับมือและการแก้ไขสาเหตุของความตึงเครียด รวมทั้งได้รับการดูแลทางด้านจิตใจ เพื่อให้ปรับตัวในการรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น
เมื่อเรารู้จักกับ โรคหอบจากอารมณ์ (Hyperventilation Syndrome) แล้ว เราควรเช็กตนเองคนรอบข้างหรือคนในครอบครัวของเรา ว่ามีใครเข้าข่ายอาการแบบนี้หรือไม่ ต้องบอกก่อนว่าโรคนี้อาจไม่รุนแรงถึงแก่ชีวิต แต่ถ้าหากมีโรคประจำตัวก็จะเป็นอันตรายหนักได้ เพราะฉะนั้นพยายามทำจิตใจให้สบายผ่อนคลายมาก ๆ ทุกปัญหามีทางออกเสมอนะคะ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำ หันมารักตนเองและดูแลสุขภาพอยู่เสมอ เพื่อชีวิตที่ยั่งยืนและเป็นสุขค่าาา~