ต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้แบรนด์มีแบรนด์เกิดใหม่ออกมาเยอะมาก ฉะนั้นถ้าเราอยากสร้างแบรนด์เหมือนกันก็ควรมีวิธีคิดชื่อแบรนด์ให้ออกมาน่าจดจำ เวลาลูกค้าเห็นและอ่านออกเสียงจะได้ประทับใจตั้งใจประตูบ้าน วันนี้ Wongnai Beauty เอาวิธีการตตั้งชื่อแบรนด์มาฝากค่ะ เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าวิธีการคิด และแนวของชื่อแบรนด์มีความสำคัญหรือควรคิดยังไงบ้าง เผื่อใครอยากสร้างแบรนด์จะได้เอาไปประกอบการใช้งานนะคะ
การ "ตั้งชื่อแบรนด์" มีอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้คนจดจำแบรนด์ได้บ้าง?
เรามาดูกันก่อนว่าสิ่งที่ทำให้แบรนด์ทำงานได้ดีนั้นขึ้นอยู่กับบริบทด้วยค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่เราจะจำแนกคุณลักษณะของชื่อแบรนด์ได้อย่างชัดเจน แต่ว่าเราสามารถวางคุณสมบัติเชิงกลยุทธ์ ใส่ความสร้างสรรค์ รวมถึงเทคนิคบางอย่างเพื่อทำให้ชื่อแบรนด์ของเรามีความแข็งแกร่งได้ ทั้งนี้คุณสมบัติทั้ง 3 ส่วนนี้ จะทำให้เรารู้ว่า ชื่อแบรนด์ของเรามีคุณสมบัติด้านไหน แน่นอนว่าชื่อแบรนด์จะทรงพลังได้มันมีหลายอย่างมาก เราไปดูกันต่อเลยว่าคืออะไร
ความสามารถทางกลยุทธ์ของชื่อแบรนด์
สำหรับการตั้งชื่อให้มีความหมายควรจะต้องสอดคล้องกับธุรกิจ หรือผลิตภัณธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับกลุ่มลูกค้า ทำให้เขาสามารถรู้ได้ทันทีว่าเราทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร นอกจากนี้ยังต้องมองการณ์ไกล เพราะเมื่อเราทำธุรกิจไปได้สักพักเราอาจจะมีการทำสินค้าใหม่ ๆ ออกมา ชื่อก็ควรจะเป็นกลาง ๆ เพื่อสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของธุรกิจได้การตั้งชื่อแบรนด์แบบนี้จะสามารถเพิ่มโอกาสในการขยายการค้าได้ค่ะ สุดท้ายคือเราควรใส่ความเรียบง่ายที่มีความโดดเด่น เพื่อสร้างการจดจำได้ในทันที ไม่ซ้ำกับใคร หรือใกล้เคียงแบรนด์อื่น ๆ หรือคู่แข่งทางการค้า ที่สำคัญจำไว้เลยว่าไม่ควรตั้งชื่อแบรนด์ตามกระแสนะคะ เพราะว่าจะมาเร็วไปเร็วมากก
ความคิดเชิงสร้างสรรค์ต้องมีอยู่ในชื่อแบรนด์
นอกจากความสามารถทางกลยุทธ์แล้วยังต้องจำง่าย ไม่ทำให้สับสนเพราะงั้นชื่อแบรนด์ถึงไม่ควรมีความคล้ายกับแบรนด์อื่น ๆ นั่นเองค่ะ ใดใดคือเวลาออกเสียงชื่อแบรนด์ควรมีน้ำเสียงที่ดี ออกเสียงง่าย ฟังแล้วรื่นหู ไม่เป็นคำใต้สะดือหรือคำหยาบนะคะ ปัจจัยสุดท้ายคือภาพลักษณ์ในการเอาชื่อมาออกแบบเป็นโลโก้ความเข้ากันได้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เพราะโลโก้ของแบรนด์จะต้องสวยงามด้วยนั่นเองค่ะ
ความคิดเชิงเทคนิคที่เราต้องคำนึงถึง
การตั้งชื่อแบรนด์ควรทำให้สะกดง่าย ออกเสียงง่าย อ่านได้แบบไม่ซับซ้อน เพราะการเลือกใช้คำที่ยากอาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการสะกด หรือลูกค้าอาจจะไม่กล้าออกเสียง ทำให้บอกต่อยากสิ่งนี้ส่งผลต่อความก้าวหน้าของแบรนด์มาก ๆ เลยค่ะ นอกจากนี้เรายังต้องดูความถูกต้องของหลักภาษาด้วยไม่ควรผิดจากภาษาศาสตร์ ที่สำคัญคือต้องถูกกฎหมายต้องเช็กก่อนว่าชื่อที่ชอบละเมิดลิขสิทธิ์ใคร หรือได้มีการจดทะเบียนการค้ามาก่อนหน้านี้หรือไม่ อันนี้จะพ่วงไปถึงชื่อเว็บไซต์ โดเมน ต่าง ๆ ด้วยนะคะ เวลาที่เปิดตัวจะได้ไม่ต้องกังวล
ประเภทของชื่อแบรนด์มีอะไรบ้าง?
จริง ๆ แล้วชื่อแบรนด์มีหลายประเภทมาก ๆ ตั้งแต่ใช้ชื่อของผู้ก่อตั้งไปจนถึงชื่อที่เป็นนามธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสร้างความแข็งแกร่งและความน่าจดจำให้กับแบรนด์ของเราได้ ทีนี้จะพาทุกคนไปดูเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยว่าแนวตั้งและแนวนอนของแบรนด์ก็มีความสำคัญเหมือนกันค่ะ เพราะว่าทุกแกนมีความหมายนั่นเองค่ะ
สิ่งที่ควรคำนึงถึงชื่อแบรนด์ในโครงสร้างแนวตั้ง
- Abstract : ส่วนแรกจะเป็นชื่อที่เป็นนามธรรมมาก ๆ ไม่ได้ระบุอะไรที่ชัดเจน ไม่มีความหมายใดใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา แต่อาจจะเกี่ยวกับบุคคลหรือว่าคนที่เป็นแรงบันดาลใจของแบรนด์นั่นเอง
- Suggestive : ไปต่อกับกลางของแกนตั้งจะเป็นชื่อที่มีนัยยะสำคัญหรือแบบที่สามารถเปรียบเปรยได้ คนทั่วไปจะสามารถเชื่อมโยงชื่อแบรนด์กับความหมายของธุรกิจที่เราทำได้แบบชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ต้องมีความสอดคล้องกันนะคะ
- Descriptive : เป็นชื่อที่อธิบายตัวเองสื่อสารได้เข้าใจง่าย คนทั่วไปอ่านแล้วรู้ว่าทำธุรกิจอะไร ไม่ต้องใช้เวลาอธิบายเยอะและเป็นชื่อที่นำไปใช้ตั้งชื่อแบรนด์กันมากที่สุด สุ่มเสี่ยงต่อการซ้ำกับแบรนด์อื่น ๆ
สิ่งที่ควรคำนึงถึงชื่อแบรนด์โครงสร้างแนวนอน
- Real-world : สำหรับแกนนอนด้านในให้ความหมายว่าชื่อตั้งจากความหมายที่แท้จริง มีคำแปลชัดเจนสามารถระบุรูปแบบของธุรกิจเราได้อย่างชัดเจนมากท่ีสุด
- Compound : ไปต่อที่ตรงกลางของแนวนอน จะเป็นชื่อที่ผสม 2 คำเรียงต่อกัน ทำให้เกิดความหมายใหม่แต่ยังมีโครงสร้างของคำเดิมอยู่นะคะ ทำให้สื่อถึงความหมายของแบรนด์เราได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
- Coined : สุดท้ายชื่อที่บัญญัติขึ้นมาใหม่เป็นชื่อที่ไม่จำเป็นต้องมีความหมาย แต่ตมีข้อดีตรงที่ไม่ซ้ำใครแน่นอน เพราะชื่อเหล่านี้เป็นชื่อที่คนอ่านต้องทำความเข้าใจในชื่อกับธุรกิจก่อน หรือว่าอาจจะต้องใช้งบประมาณในการสร้างการรับรู้มากกว่าแบบอื่น ๆ เลยล่ะค่ะ
จริง ๆ แล้วถ้าเราสร้างกราฟและลองเขียนชื่อแบรนด์ของตัวเองลงไป วัดตามคำที่เราบอกจะเห็นได้ว่าแบรนด์ของเรามีความชัดเจนทางตัวตนมากแค่ไหน เวลาที่จะทำการตลาดก็จะง่ายมากขึ้นด้วย หรือทุกคนอาจจะทดลองด้วยการเอาไปให้เพื่อนอ่านและลองถามก็ได้ค่ะ ว่าเขามีความเข้าใจยังไงเกี่ยวกับชื่อแบรนด์ แค่นี้ก็จะทำให้เราเห็นภาพของชื่อแบรนด์มากขึ้น
Source : Domestika
คำเตือน : ข้อควรระวังในการตั้งชื่อแบรนด์
สำหรับการตั้งชื่อแบรนด์ให้โดดเด่นและแตกต่างเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้ประเภทของธุรกิจแต่ละแบบก็ต้องใช้วิธีคิดที่แตกต่างกันออกไป อย่างแบรนด์ที่เกี่ยวกับการเงินก็ต้องใช้ชื่อที่ความน่าเชื่อถือ ฉะนั้นเราต้องพิจารณาให้ดีกว่าการตั้งชื่อแบรนด์ทั่วไปนั่นเอง ต้องบอกว่าความน่าเชื่อของแบรนด์ก็มีความสำคัญนะทุกคน นอกจากนี้ถ้าทำธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือออนไลน์ ก็ต้องคิดชื่อที่สามารถเอาไปจดเป็นโดเมน .com ได้ด้วย อีกทั้งพยายามเอาที่จดจำได้ง่ายด้วยจะดีมาก
นี่เป็นวิธีคิดที่ทุกคนสามารถเอาไปปรับใช้กับการตั้งชื่อแบรนด์ได้เลยนะคะ ต้องบอกว่าการตั้งชื่อแบรนด์เป็นเหมือนตัวแทนที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์มาก ๆ เวลาที่ลูกค้าอ่านจะได้รู้ว่าเราทำธุรกิจอะไร ไม่ต้องตีความเยอะหากเราสังเกตยุคนี้แบรนด์บางแบรนด์ใช้ชื่อจริงด้วยซ้ำไปค่ะ แบบนี้ก็จะใช้แทนตัวบุคคลในการสร้างแบรนด์นั่นเอง ใดใดคือคิดให้รอบคอบก่อนจะได้ไม่เสียเงินทำธุรกิจซ้ำซ้อนดีกว่านะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ