Munique (มิวนีค) Gaysorn Tower โซน Gaysorn Tower ชั้น L

พูดถึง skin care ของ Murad หลายคนคงทราบดีว่าเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Dr. Howard Murad ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ ดังนั้นแม้จะเป็นเครื่องสำอางค์บำรุงผิวที่ขายกันตามเคาน์เตอร์ตามห้างสรรพสินค้าได้ทั่วไป ไม่ต้องให้แพทย์สั่ง แต่ก็เน้นสร้างจุดขายในแง่ของการเป็นเวชสำอางค์ที่มีการใส่สารออกฤทธิ์ต่างๆซึ่งอ้างว่าจะให้ผลเด่นชัดกว่าครีมบำรุงผิวธรรมดาทั่วไป นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดเป็นสถาบันความงามภายใต้ชื่อ Munique by Murad อีกด้วยค่ะ ****-Profile-**** สืบเนื่องจากภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่สื่อถึงความเป็นเวชสำอางค์ สำหรับที่สถาบันความงามแห่งนี้จึงไม่ได้แค่นำเอาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ขายหน้าเคาน์เตอร์มานวดเท่านั้น หากแต่ยังมีการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เช่นเครื่อง Diamond Peel ...รวมไปถึงสารออกฤทธิ์ต่างๆเช่น AHA, enzyme จากมะละกอ และมาส์กมากมายหลายสูตรที่ผสมขึ้นใช้ในแต่ละทรีตเม้นท์ แต่แน่นอนว่าก็ยังคงต้องอยู่ในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้ใช้ได้โดยไม่ต้องมีแพทย์สั่ง เพราะยังไงซะที่นี่ก็ยังไม่ใช่คลินิกน่ะค่ะ ****-ทำเลที่ตั้ง / บรรยากาศ-**** สาขาที่เราไปคือสาขาที่ชั้น L ของห้าง Gaysorn Plaza ร้านอยู่ติดกับสปาของ Panpuri ค่ะ หน้าร้านค่อนข้างกว้าง ตกแต่งเน้นโทนสีขาวสะอาดตาคล้ายพวกคลีนิคเสริมความงาม มีโซฟาให้นั่งพักผ่อนระหว่างรอทำทรีตเม้นต์ ส่วนห้องทำทรีตเม้นต์จะอยู่ด้านในเพื่อความเป็นส่วนตัว และมีหลายห้องพอสมควรค่ะ มีโต๊ะเครื่องแป้งให้แต่งหน้าด้วย สะดวกดีทีเดียว ****-Treatment ที่เลือกทำ-**** ที่นี่มีหลายทรีตเม้นท์ให้เลือกตามปัญหาผิวค่ะ เราเลือกทำ Acne treatment สำหรับสิวเสี้ยน โดยก่อนทำทรีตเม้นต์จะมีการวิเคราะห์ผิวเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์และเครื่องมือที่จะใช้ในแต่ละขั้นตอนด้วย สำหรับขั้นตอนจะประมาณนี้ค่ะ (อาจมีตกหล่นบ้าง เพราะไม่ได้ถ่ายรูปเมนูเก็บไว้นะคะ) -สเปรย์ Mist หอมๆให้สูดหายใจลึกๆเพื่อผ่อนคลายก่อน 3 ที -ทำความสะอาดหน้าโดยนวดด้วย Cleansing cream แล้วเช็ดออก -เช็ดโทนเนอร์ -อบไอน้ำเปิดรูขุมขน –ไอน้ำที่นี่ค่อนข้างแรง บางครั้งทำให้รู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออกเหมือนกันค่ะ ต้องคอยเบือนหน้าหลบบ้าง - ผลัดเซลล์ผิว – ขั้นตอนนี้จะมีให้เลือกระหว่างการใช้ AHA หรือ Diamond Peel หรือ enzyme ตามแต่สภาพผิว บางทีจะรู้สึกยิบๆค่ะ -กดสิวเสี้ยน – เป็นอะไรที่เจ็บๆเสียวๆล่ะค่ะขั้นตอนนี้ เค้าจะใช้เข็มเขี่ยๆแล้วบีบออก หน้าแดงกันทีเดียว -มาส์กหน้า – ระหว่างมาส์กนี่ถ้าเจอพนักงานใจดีก็จะนวดมือให้นิดหน่อย แต่บางคนก็ไม่นวดให้นะ -เช็ดมาส์ก + ทาครีมบำรุง + ทาลิปบาล์ม – ขอบ่นนิดว่าเราไม่ชอบกลิ่นลิปบาล์มของที่นี่เลย ทาเสร็จทีไรมีต้องแอบเช็ดทิ้งทุกทีค่ะ ****-การบริการ-**** พนักงานต้อนรับที่นี่พูดจาเรียบร้อยดีมากค่ะ มีการตามนัดไม่ให้ลืม พอทำเสร็จอีก 1 วันให้หลังก็มีโทร.มาถามว่าเป็นยังไง มีแพ้อะไรไหม (ซึ่งเราก็ยังไม่เคยแพ้นะ) ดูใส่ใจดี ส่วนการเรื่องการนวดคอนวดไหล่ก่อน-หลังทำทรีตเม้นต์ หรือนวดมือให้ตอนมาส์กหน้านั้นไม่ได้ระบุไว้ในขั้นตอน เลยเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นว่า therapist คนไหนจะทำให้หรือไม่ แอบสังเกตว่าถ้าเป็นวันที่คอร์สเดิมใกล้หมด จะได้นวดกับคนที่น้ำหนักมือดี และนวดให้เยอะเป็นพิเศษ (เดาว่าจะเอาไว้จูงใจให้ซื้อคอร์สต่อมั้งนะ 5555) อันนี้ที่จริงถ้าทำให้สม่ำเสมอเป็น routine ไปเลยน่าจะดีนะคะ ****-The Verdict-**** ถ้าพูดถึงเรื่องความสบายแล้วยังไงๆก็สู้การนวดหน้าตามสปาต่างๆไม่ได้ ซึ่งเป็นเพราะจุดยืนที่นี่เป็นสถาบันความงามที่มุ่งเน้นให้เห็นผลกว่า เลยต้องมีการใช้เครื่องไม้เครื่องมือ หรือมีขั้นตอนต่างๆที่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวบ้าง ส่วนถ้าพูดถึงผลการทำทรีตเม้นต์ บอกได้ว่าไปทำก็พอจะเห็นผลอยู่ คือดีกว่าไม่ทำแน่นอน แต่ก็ไม่ถึงขนาดจะผิวเกลี้ยงใสหน้ามือเป็นหลังมือแบบภาพในโฆษณาหรอกนะคะ เทียบกันแล้วถ้าอยากเห็นผลจริงๆก็คงสู้ไปตามคลินิกที่มีแพทย์ไม่ได้ เพียงแต่ที่นี่จะเหมาะกับคนกลัวหมอ กลัวเจ็บ กลัวเครื่องมือแรงๆ และไม่ชอบกินยาหรืออาหารเสริมอะไรต่างๆน่ะค่ะ ถ้าใครเป็นแบบนี้ก็ลองแวะมาที่นี่ได้นะ