อีต่อง ปิล็อก จ๊อกกระดิ่นก็น่ารัก.. ได้ยินเสียงกีตาร์พร้อมเสียงนุ่ม ๆ ของพฤททีไร ก็เป็นสัญญาณของ จังหวะ..จะเที่ยว แล้วละค่ะ วันนี้เรากับพฤทจะพาทุกคนไปอีกหนึ่งที่เที่ยวหน้าหนาวสุดฮิต ประจำปี 2019~ (จริง ๆ แล้วคือฮิตทุกปีแหละเนอะ) ฮ่า ๆ นั่นก็คือที่เที่ยวอีต่องปิล็อก “บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก” ที่ตั้งอยู่ที่ทองผาภูมินั่นเอง ทริปที่เรามาเป็นกลางเดือนธันวา ใครที่อยากจะมาชมหมอก แนะนำให้มาช่วงหน้าฝนค่ะ แต่ถึงฟ้าฝนจะไม่เป็นใจ แต่เราก็ไม่สนใจรอ ขอไปเที่ยวบ้านอีต่อง ปิล็อก ตามเรากับพฤทมาดูกันค่ะว่าทริปนี้จะสนุกแค่ไหน

ตัวบ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก ตั้งอยู่ที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โดยก่อนที่เราจะเดินทางมาถึงบ้านอีต่อง เหมืองปิล็อกเนี่ย ต้องผ่านความท้าทายมากว่า 399 โค้ง ถ้าจะให้แนะนำการเตรียมตัวเพื่อเดินทางมา ก็คงจะแนะนำว่าอย่าเพิ่งกินข้าวกันจนอิ่มมาก เตรียมใจและร่างกายให้พร้อม เพราะเป็นทางขึ้นเขาที่คดเคี้ยวตลอดทาง รวมถึงรถที่นั่งมา ก็ควรจะตรวจเช็กมาให้ดีก่อน แต่ถ้าทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ไปล่า 399 โค้ง ไปลุยที่เที่ยวบ้านอีต่อง เหมืองปิล็อกกันค่ะ
Day 1

1สะพานไม้
หลังจากที่ผ่านมาได้ 399 โค้ง เราก็ได้เจอกับหมู่บ้านเล็ก ๆ น่ารักอย่าง “บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก” จุดหมายปลายทางของเราทริปนี้ ขอบอกเลยว่าบรรยากาศที่นี่เงียบสงบ แต่ก็ยังมีความน่ารักทักทายเราอยู่เป็นระยะ ๆ หลังจากเราที่ไปเก็บของในที่พักเรียบร้อย ก็มาเดินเล่นตรงสะพานที่มีป้ายไม้ห้อยอยู่ ที่ใครเห็นก็ต้องร้องอ๋อค่ะ เพราะถือเป็นอีกหนึ่งกิมมิกที่ทุกคนเห็นแล้วต้องรู้ว่าเป็น บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก พฤทก็ไม่รอช้า ขอแขวนป้ายเป็นที่ระลึกกับเขาด้วย ถามก็ไม่ยอมบอกว่าเขียนอะไร.. แต่แอบเห็นแว่บ ๆ เป็นรูปหัวใจ (เอ้.. ยังไงน้า)

2ตลาดบ้านอีต่อง
เขียนป้ายไม้เป็นที่ระลึกเสร็จ ก็เดินเข้าไปที่ตลาดบ้านอีต่อง ไปดูกันว่ามีอะไรให้ชอปบ้าง ตัวตลาดก็จะขนาดเล็กกะทัดรัด เป็นถนนสายเล็ก ๆ ของที่ขายก็จะมีทั้งของบ้านเราเอง และของเพื่อนบ้าน ทั้งยาดมสุดฮิต แป้งทานาคา ตะเกียงพม่า ชาและกาแฟ ถั่วตัด ใครที่อยากซื้อของฝากก็มาเดินเล่นที่ตลาดบ้านอีต่อง รับรองได้ของครบแน่นอนค่ะ บรรยากาศในตลาดบ้านอีต่องก็ชิลมาก ๆ ชาวบ้านที่ขายของอยู่ก็น่ารัก ยิ้มทักทายเราตลอดทาง


นอกจากของฝากแล้วบริเวณตลาดบ้านอีต่อง ก็ยังมีร้านอาหารบ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก ให้กินกันได้อีกด้วย หรือจะเป็นของกินเล่นอย่างขนมปังปิ้ง หมูปิ้ง และอาหารว่างอื่น ๆ ให้เลือกกินกันด้วย
3เนินช้างศึก
เดินเล่นที่ตลาดบ้านอีต่องเสร็จ ท้องก็เริ่มร้องแล้ว พฤทเลยบอกว่าจะหาอะไรเบา ๆ กิน เราก็ตามใจ แต่อยากกินข้าวไปด้วยชมวิวไปด้วย เลยเรียกรถกระบะนำเที่ยวในหมู่บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก ถ้าใครที่เอารถมาก็สามารถขึ้นเนินช้างศึกได้เหมือนกันค่า แต่พฤทกับทีมงานอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เลยโบกรถกระบะขึ้นเนินช้างศึกกัน (ราคา 50 บาท/คน) หรือจะเหมาแบบไป-กลับก็ประมาณ 300 บาท ใช้เวลาจากหมู่บ้านประมาณ 10 นาทีนิด ๆ ก็ถึงเนินช้างศึกแล้วค่า

จากที่บอกว่าจะกินอะไรเบา ๆ สงสัยจะไม่เบาแล้วละค่ะ เพราะว่าพฤทกับทีมงาน แบกชุดหมูกระทะ ชุดใหญ่ไฟกะพริบขึ้นมาด้วย แถมยังขอยืมเตาหมูกระทะจากร้านอาหารอีต่องปิล็อกมาตั้งเตากันบนเนินช้างศึก แต่ขอบอกก่อนว่า เราได้โทรมาสอบถามเจ้าหน้าที่ด้านบนเนินช้างศึกแล้ว ใครที่อยากนำหมูกระทะขึ้นมากิน ก็อย่าลืมโทรมาขออนุญาตกันก่อน และที่สำคัญต้องเก็บขยะและรักษาความสะอาดกันด้วยนะคะ


หลังตั้งเตาหมูกระทะกันเสร็จก็ถึงเวลากินหมูกระทะ พร้อมกับชมวิวสวย ๆ รอดูพระอาทิตย์ตกที่เนินช้างศึก ขอบอกเลยว่าหมูกระทะหลักร้อย แต่บรรยากาศหลักล้านเลยละค่ะ อากาศกำลังดี ใครที่ไม่รีบร้อนไปไหน แนะนำให้รอดูทางช้างเผือกบนเนินช้างศึกกันต่อ ลุ้นกันเพลิน ๆ ถ้าไม่เห็นทางช้างเผือก แต่อย่างน้อยก็ได้ดูดาวแบบชัด ๆ ใกล้ตามากกก ใครอยากหาที่ดูดาว เนินช้างศึกถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเลยละค่ะ สำหรับวันนี้พฤทต้องขอตัวลาไปนอนพักกันที่ที่พักอีต่องปิล็อก ก่อนจะมาล่าหมอกกันพรุ่งนี้เช้า


Day 2

และแล้วเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง เวลาตามล่าหมอกยามเช้าที่บริเวณบ่อน้ำหน้าที่พักเรานี่แหละค่ะ เราเดินมาตรงสะพานไม้แล้วก็พบว่า.. ไม่มีหมอก! แต่อย่างที่บอกค่ะว่าจริง ๆ แล้วแนะนำให้มาหน้าฝน เพราะจะมีหมอกลงหนา แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว ก็เดินเล่นรอบหมู่บ้านกันชิล ๆ กับบรรยากาศตอนเช้า ๆ ก็น่ารัก อบอุ่น ได้บรรยากาศไปอีกแบบเหมือนกัน ^^

หลังจากที่เดินเล่นรอบหมู่บ้าน ก็เห็นว่ามีขายชุดใส่บาตร พฤทเลยรอใส่บาตรพระยามเช้าไปด้วยเลย ใกล้ปีใหม่แล้วด้วย ปีหน้าจะได้เดินทางไปเที่ยวที่สวย ๆ ด้วยกันอีก หลังจากใส่บาตรเสร็จเรียบร้อยก็ทานข้าวเช้ากันก่อน ด้วยเมนู "ไข่กระทะ"(ราคา 40 บาท) เป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ดี


4เหมืองเก่าปิล็อก
หลังจากกินข้าวเช้ากันเสร็จ ก็เก็บกระเป๋าและเช็กเอาต์จากที่พักแล้วก็ไปเดินเที่ยวกันต่อที่ “เหมืองเก่าปิล็อก” เดินจากหมู่บ้านประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ อยู่ติดกับหมู่บ้านนี่เอง เหมืองเก่าปิล็อกอดีตเคยเป็นเหมืองแร่ที่รุ่งเรือง แต่ตอนนี้ได้ปิดกิจการไป แต่ก็ยังทิ้งเครื่องมือ อุปกรณ์การทำเหมืองเอาไว้ ให้คนที่มาเที่ยวได้ดูกันอยู่



พฤทก็เดินเล่นรอบ ๆ เหมืองเก่า ถึงแม้จะปิดตัวลงไป แต่ก็ยังคงความเท่และเสน่ห์เฉพาะตัวอยู่มากเลยละค่ะ ใครที่มาเที่ยวบ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก ก็ห้ามพลาดที่จะมาเช็กอินนะคะ หลังจากเดินถ่ายรูป หามุมเช็กอินจนทั่วเหมืองแล้ว ก็ถึงเวลาต้องโบกมือลาบ้านอีต่อง เหมืองปิล็อกกันแล้ว แต่ที่เที่ยวเรายังไม่หมดเพียงเท่านี้ค่ะ เรายังเดินทางไปที่เที่ยวสุดท้ายอย่าง “น้ำตกจ๊อกกระดิ่น”
5น้ำตกจ๊อกกระดิ่น
ออกจากหมู่บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก ขับรถมาประมาณ 20 นาที เราก็ถึง “น้ำตกจ๊อกกระดิ่น” ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โดยชื่อจ๊อกกระดิ่นเพี้ยนเสียงมาจากคำว่า "ก๊อกกระด่าน” จ๊อก หรือ ก๊อก หมายถึง หิน และ กระดิ่น หรือกระด่าน หมายถึง น้ำตก มีความหมายรวมกันว่า เป็นน้ำตกที่ไหลผ่านซอกหินผา โดยคนไทยจะมีค่าเข้าคนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท


เดินเข้าไปจากทางเข้าประมาณ 300 เมตร ก็จะเจอกับน้ำตกที่สวยงามซ่อนกลางหุบเขา มีความสูง 34 เมตร แอ่งน้ำตรงกลางลึก 3-4 เมตร น้ำใสสีเขียวฟ้าน่าเล่น โดยจะมีป้ายบอกสถานการณ์น้ำไว้ ถ้าขึ้นว่า ปกติ ก็สามารถลงไปเล่นน้ำให้คลายร้อนได้ค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าอุตส่าห์มากันขนาดนี้แล้ว พวกเราเลยส่งพฤทไปเป็นตัวแทนลงเล่นน้ำเย็น ๆ ฮ่า ๆ เห็นยืนทำใจอยู่นานสองนาน สุดท้ายก็ลงไปแช่น้ำตกเย็น ๆ หลังจากเล่นเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ถึงเวลาเดินทางกลับบ้านกันแล้ว

บอกเลยว่าทริปนี้พฤทบอกว่าประทับใจมาก เสียดายที่ใช้เวลาอยู่แค่ 2 วัน 1 คืน ถ้าใครมีโอกาสมาก็แนะนำให้พัก 3 วัน 2 คืนเลยค่ะ เพราะว่ายังมีที่เที่ยวบริเวณบ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก อยู่อีกหลายที่ ใครที่เป็นสายเดินป่า ขึ้นเขา ก็คงรู้จัก “เขาช้างเผือก” กันเป็นอย่างดี แล้วยังมีที่เที่ยวใกล้เคียงอีกเพียบค่ะ แต่ถึงทริปนี้จะจบไป แต่รับรองว่าทริปใหม่กับพฤทจะมาอีกเร็ว ๆ นี้แน่นอน! ใครที่ไม่อยากพลาดก็อย่าลืมกดไลก์เพจ Wongnai Travel ไว้ได้เลย แล้วพบกันใหม่ทริปหน้านะค้า ที่สำคัญอย่ามัวแต่รอน้า เพราะถึงจังหวะ จะเที่ยวแล้ว~