เที่ยวทะเลที่ไหนดี? เชื่อว่าคำตอบต้องมี “เกาะหลีเป๊ะ” เป็นหนึ่งในตัวเลือกแน่นอน เพราะที่เที่ยวสตูลแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของหาดทรายขาวและน้ำทะเลสวย จนกลายเป็นที่เที่ยวทะเลในฝันของหลายคน แต่จะเดินทางไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะยังไงดี? ใครยังไม่มีไอเดียก็ตามลายแทง เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ กิน เที่ยว พักที่ไหน? จัดมาให้ครบ! อ่านจบเก็บกระเป๋าไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะได้เลย
ตั้งแต่ Covid-19 ระบาด เกาะหลีเป๊ะได้ปิดไปนาน จนเพิ่งกลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เมื่อ 15 ต.ค. 2564 ที่ผ่าน ซึ่งตรงกับช่วงไฮซีซั่นของเกาะหลีเป๊ะพอดี ที่จะเริ่มตั้งแต่ 15 ต.ค. - 15 เดือน พ.ค. ของปีถัดไป แต่เนื่องจากยังเป็นช่วงที่ยังมีการระบาดของ Covid-19 ใครที่จะไปท่องเที่ยวผ่อนคลายหลีเป๊ะ ต้องมีเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งใน 5 ข้อดังนี้
- มีใบแสดงผลการได้รับวัคซีน ไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนเดินทาง - Sinovac 2 เข็ม- Sinopharm 2 เข็ม- Sinovac + AstraZeneca 2 เข็ม- Moderna หรือ Pfizer หรือ J&J หรือ AstraZeneca 1 เข็ม
- มีใบรับรองแพทย์ ว่าเป็นผู้ติดเชื้อ Covid19 มาแล้วไม่เกิน 90 วัน
- มีใบแสดงผลการตรวจ ด้วย PT- PCR ที่ออกให้ก่อนเดินทางไม่เกิน 72 ชั่วโมง
- มีใบตรวจ ATK ผลเป็นลบ หรือไม่พบเชื้อ Covid19 ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง
- มีเอกสารยืนยันการกักตัวครบ 14 วัน และเดินทางมาเกาะภายใน 72 ชั่วโมง
สำหรับใครที่ต้องการไปเที่ยวหลีเป๊ะ เพื่อให้ได้ดื่มด่ำบรรยากาศน้ำทะเลใส ๆ หาดทรายสวย ควรมีเวลา 3 วัน 2 คืน แต่ถ้าจะดำน้ำด้วยเพื่อไม่ให้เหนื่อยมาก 4 วัน 3 คืน จะได้เต็มอิ่มกับความงามของเกาะหลีเป๊ะ เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมเอกสารกันพร้อมแล้ว ออกเดินทางไปหลีเป๊ะกันเลย

การเดินทางเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ
จากกรุงเทพฯเดินทางไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะยังไงดี? วิธีที่สะดวกและประหยัดเวลาที่สุดคือ เครื่องบิน มีหลายสายการบิน เช่น การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ นกแอร์ แอร์เอเชีย และ ไทยไลอ้อนแอร์ โดยมาลงที่สนามบินหาดใหญ่ ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงนิด ๆ จากนั้นต่อรถตู้ไปยังท่าเทียบเรือปากบารา จ.สตูล อีก 2 ชั่วโมง ค่ารถเริ่มต้น 250 บาท หรือบางบริษัทจะขายแบบรวมทั้งตั๋วรถตู้และเรือสปีดโบ๊ตไปด้วย ตรงนี้ก็สะดวกและคุ้มค่าสุด ๆ หรือใครอยากเดินทางแบบลุย ๆ ชิล ๆ ก็สามารถเลือกนั่งรถไฟก็ได้นะ ส่วนจะเที่ยวไหนอย่างไรก็ ไปดูกันได้เลย~
- เครื่องบิน เดินทางไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะด้วยเครื่องบินควรเลือกจองเที่ยวบินที่มาถึงสนามบินหาดใหญ่ไม่เกิน 13.00 น. เพื่อให้ทันเรือสปีดโบ๊ตรอบสุดท้ายตอนเวลา 15.30 น. และเที่ยวบินกลับหลังเวลา 19.30 น. จะได้ไม่รีบร้อนเดินทางและกังวลว่าจะตกเครื่อง
- รถไฟ สายชิลจะนั่งรถไฟสายกรุงเทพ-ชุมทางหาดใหญ่ ก็ได้เหมือนกัน สามารถเลือกขึ้นขบวน 171, 31, 37 และ 45 ค่าโดยสารราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 259-1,794 บาท ซึ่งสามารถจองตั๋วรถไฟออนไลน์ได้ง่าย ๆ เลยจ้า เมื่อถึงชุมทางหาดใหญ่ก็ต่อรถมอเตอร์ไซค์ ราคา 80 บาท ไปที่คิวรถตู้ตลาดเกษตร แล้วนั่งรถตู้ไปท่าเทียบเรือปากบาราอีก 2 ชั่วโมง ราคา 120 บาท รถออกตั้งแต่ 06.00-19.00 น.

- รถทัวร์ สามารถขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ เส้นทางกรุงเทพฯ-สตูล มาลงที่จุดจอดรถอำเภอ ละงู ซึ่งเที่ยวรถขาไปของ บขส. จะมี 3 เวลาคือ 07.00 น. ,17.30 น. และ 18.30 น. ค่ารถเริ่มต้นที่ 700 บาท และหลังจากลงรถทัวร์ตรงจุดจอดรถอำเภอละงู ก็ต่อรถสองแถวสีส้มไปท่าเทียบเรือปากบารา ค่ารถ 25 บาท หรือใครไม่อยากยืนรอรถสองแถวก็เหมารถมอเตอร์ไซค์ราคาประมาณ 80-100 บาท
- รถส่วนตัว สำหรับเส้นทางจากกรุงเทพฯ สามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา สตูล และเมื่อถึงสามแยกฉลุง เลี้ยวขวาไปตามเส้นทาง ฉลุง-ละงู ผ่านอำเภอท่าแพ เข้าสู่ตัวเมืองอำเภอละงู แล้วขับไปท่าเทียบเรือปากบาราได้เลย ใครที่เลือกวิธีการเดินทางนี้แนะนำให้ค่อย ๆ ไป อย่าหักโหมกันนะจ๊ะ
เมื่อมาถึง "ท่าเทียบเรือปากบารา" สามารถซื้อตั๋วเรือสปีดโบ๊ทจากบริษัททัวร์ตรงท่าเรือได้เลย ค่าเรือไปกลับ ปากบารา-เกาะหลีเป๊ะ คนละ 900 บาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียมท่าเรือ 20 บาทและค่าเข้าอุทยาน 40 บาท) จะมีรอบ 09.00 น., 11.30 น., 13.30 น. และ 15.30 น. ส่วนขากลับจากเกาะหลีเป๊ะมีเรือรอบ 09.30 น., 11.30 น., 13.30 น. และ 16.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ที่สำคัญขากลับอย่าลืมวางแผนและเผื่อเวลาเดินทางกันดี ๆ นะ
ตารางเดินเรือสปีดโบ๊ตไปเกาะหลีเป๊ะ

สถานที่ท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ
เดินทางกันหลายต่อขนาดนี้ไปถึงเกาะหลีเป๊ะแล้วก็อยากใช้เวลาทุกวินาทีพักผ่อนให้คุ้มค่า โดยที่เที่ยวเกาะหลีเป๊ะหากไม่นับรวมจุดดำน้ำเกาะหลีเป๊ะรอบ ๆ แล้ว จะมีชายหาดให้แวะเที่ยวอยู่ 3 หาด คือ

1
หาดพัทยา
ชายหาดขาว เม็ดทรายละเอียด บวกกับน้ำทะเลใสราวกระจก แค่เห็นวิวแบบนี้บอกเลยว่าหายเหนื่อยแล้ว โดย "หาดพัทยา" จะเป็นที่เที่ยวเกาะหลีเป๊ะที่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมและรีสอร์ตต่าง ๆ ยิ่งตอนกลางคืนจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีการแสดงต่าง ๆ ริมชายหาด นอกจากนี้หาดพัทยายังเป็นจุดจอดเรือสปีดโบ๊ทรับ-ส่งนักท่องเที่ยวบนเกาะหลีเป๊ะอีกด้วย

2หาดซันไรซ์
"หาดซันไรซ์" สถานที่ท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะเหมาะสำหรับคนชอบความเงียบสงบ ได้พักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศของแนวต้นสนที่คอยให้ร่มเงาบริเวณแนวชายหาด จะลงเล่นน้ำทะเลหรือนอนอาบแดดเพลิน ๆ บนหาดทรายขาวก็มีความสุขไม่ต่างกัน
3หาดซันเซ็ต
ถัดไปไม่ไกลนักยังมี "หาดซันเซ็ต" อีกหนึ่งที่เที่ยวเกาะหลีเป๊ะที่ไม่ควรพลาด เพราะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยและโรแมนติกสุด ๆ บนเกาะหลีเป๊ะ


4ถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะ
ยามค่ำคืนถ้าไม่อยากรีบเข้านอนแวะไปเดินเล่น ชมสีสันและความคึกคักของผู้คนกันได้ที่ "ถนนคนเดินหลีเป๊ะ" ซึ่งมีระยะทาง 1 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่หาดพัทยาไปจนหาดซันไรซ์ ที่สองข้างทางจะเรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ให้เลือกแวะชิม แวะชม กันอย่างละลานตาเลยทีเดียว

นอกจากพักผ่อนสุดชิลบนหาดทรายขาว สนุกสนานกับการเล่นน้ำทะเลใส ๆ บนเกาะหลีเป๊ะแล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรพลาดไม่งั้นถือว่ามาเกาะหลีเป๊ะเสียเที่ยว คือ การไปเที่ยวดำน้ำใกล้ ๆ เกาะหลีเป๊ะ โดยสามารถซื้อแพ็คเกจดำน้ำจากบริษัทนำเที่ยวบนเกาะหลีเป๊ะได้เลย ซึ่งมีเส้นทางให้เลือก 4 แพ็คเกจ คือ โซนในเกาะหลีเป๊ะ โซนนอกเกาะหลีเป๊ะ โซนนอกและในเกาะหลีเป๊ะ และทริปซันเซ็ต
ใครไปถึงเกาะหลีเป๊ะก่อนเวลา 14.30 น. และยังมีแรงเที่ยวไหวแนะนำเริ่มต้นด้วยทริปซันเซ็ต ราคาคนละ 450 บาท โดยนั่งเรือหางยาวไปดำน้ำที่ "ร่องน้ำจาบัง" จุดดำน้ำตื้นที่ทุกคนต้องกรี๊ดลั่นแน่ๆ กับความสวยงามของปะการังอ่อนหลากสีสัน ต่อด้วยไปเดินเล่นบน "เกาะหินงาม" ชมชายหาดที่แวววาวด้วยหินดำ และดำน้ำชมฝูงปลาท่ามกลางดงปะการังหลากหลายชนิดที่ "เกาะยาง" แล้วปิดท้ายทริปดำน้ำที่ "เกาะอาดัง" กับการนั่งริมชายหาดชมวิวพระอาทิตย์ตก


เที่ยวหลีเป๊ะแค่นี้ยังไม่จุใจ วันถัดไปตื่นเช้านั่งเรือหางยาวไปตะลุยกันต่อกับเส้นทางโซนนอกและในเกาะหลีเป๊ะที่เก็บครบทุกจุดไฮไลต์สำคัญ ในราคาคนละ 850 บาท โดยมีจุดดำน้ำตื้นและเกาะต่าง ๆ เพิ่มเติมจากทริปซันเซ็ต คือ "เกาะหินซ้อน" ไปชมความมหัศจรรย์ของก้อนหินขนาดใหญ่ที่วางซ้อนทับกันอย่างสมดุลอยู่กลางทะเล ต่อด้วย "เกาะรอกลอย" รับรองว่าใครได้เห็นต่างก็ต้องตกหลุมรักความสวยงามของหาดทรายขาว และน้ำทะเลสีครามใสสะอาดชนิดมองเห็นพื้นทรายด้านล่าง พร้อมกับมีจุดชมวิวและถ่ายรูปสวย ๆ จนไม่อยากกลับเลยละ


ส่วนใครอยากดำน้ำตื้นก็เตรียมใส่ชูชีพรอ แล้วไปกระโดดน้ำ ลอยตัว ชมโลกใต้ทะเลที่ "เกาะผึ้ง" และ "เกาะไผ่" บอกเลยว่าต้องว้าว! แน่นอนกับจุดดำน้ำตื้นที่แน่นไปด้วยดงดอกไม้ทะเลและฝูงปลานานาชนิด แล้วไปเดินเล่นพักเหนื่อยบนหาดทรายที่ "เกาะดง" และ "เกาะราวี" ก่อนจะเดินทางกลับเกาะหลีเป๊ะ
สรุปค่าใช้จ่ายเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ
- รถไฟปรับอากาศชั้น 1 ไปกลับกรุงเทพฯ - หาดใหญ่ 3,588 บาท
- รถมอเตอร์ไซค์ไปกลับสถานีชุมทางหาดใหญ่ - ตลาดเกษตร 160 บาท
- ค่าธรรมเนียมท่าเทียบเรือปากบารา 20 บาท
- ค่าเข้าอุทยานฯ 40 บาท
- รถตู้ไปกลับตลาดเกษตร - ท่าเทียบเรือปากบารา 240 บาท
- เรือสปีดโบ๊ทไปกลับท่าเทียบเรือปากบารา - เกาะหลีเป๊ะ 900 บาท
- ดำน้ำเกาะหลีเป๊ะทริปซันเซ็ต 450 บาท
- ดำน้ำเกาะหลีเป๊ะทริปโซนในและนอก 850 บาท

ที่พักเกาะหลีเป๊ะ
นอกจากที่เที่ยวเด็ด ๆ แล้ว Wongnai Travel ยังมีที่พักดี ๆ มาแนะนำ เริ่มต้นที่ "The Chic Lipe" ที่พักเกาะหลีเป๊ะ แบบโฮสเทลที่ตกแต่งสุดเท่ในสไตล์ลอฟต์ พร้อมพนักงานใจดี ดูแลอย่างเป็นกันเอง ซึ่งที่พักจะอยู่ใกล้ถนนคนเดินหลีเป๊ะ เรียกว่าไม่ต้องกังวลเวลาหิวตอนดึกเพราะอยู่ในย่านของกิน โดยที่นี่มีห้องพักทั้งแบบเตียงรวมเหมาะสำหรับมากับกลุ่มเพื่อน และห้องส่วนตัวกว้างขวาง เตียงใหญ่น่านอน โดยราคาเริ่มต้นที่ 1,395 บาทเท่านั้น


อยากได้ที่พักเกาะหลีเป๊ะสุดหรู มีวิวดี ๆ อยู่ติดริมทะเลก็ต้อง "Idyllic Concept Resort" ที่พักเกาะหลีเป๊ะบนหาดซันไรซ์ ราคาเริ่มต้น 2,800 บาท ที่ออกแบบตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น มีห้องพักกว้างขวาง สะดวกสบาย ในบรรยากาศร่มรื่น และโซนห้องพักติดริมทะเลเหมาะกับคนอยากนอนมองวิวน้ำทะเลใส ๆ หาดทรายขาวแบบพาโนราม่าจากบนเตียง นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำให้ลงแช่กันอีกด้วย แต่แนะนำว่ามาถึงเกาะหลีเป๊ะทั้งทีลงเล่นน้ำทะเลฟินกว่าเยอะ ส่วนใครอยากดูที่พักเกาะหลีเป๊ะเพิ่มเติม ตามไปส่องได้เลยที่ รวม 7 ที่พักหลีเป๊ะไว้เช็กอินพักผ่อนหลังดำน้ำดูปะการัง


ร้านอาหารหลีเป๊ะ
นอกจากเรื่องเที่ยว เรื่องกินก็สำคัญไม่แพ้กัน ประเดิมกันที่ร้านนี้เลย "Papaya Mom" ร้านอาหารเกาะหลีเป๊ะอยู่ตรงถนนคนเดิน บรรยากาศของร้านนั่งสบาย ตอนกลางคืนมีดนตรีสดให้ฟังกันอีกด้วย ส่วนเมนูที่นี่เน้นอาหารทะเลทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา และปลาหมึก ชนิดยกทะเลขึ้นบกมาเสิร์ฟกันเลยทีเดียว เพราะทางร้านรับซื้อวัตถุดิบโดยตรงจากชาวประมงจึงมั่นใจว่าได้กินอาหารทะเลสด ๆ แน่นอน รวมถึงอาหารอีสานรสจัดจ้านถึงใจโดยเฉพาะเมนูที่มีปลาร้า บอกเลยแซ่บนัว ยั่วน้ำลายมาก ๆ

ได้โต๊ะนั่งแล้วเปิดเมนูสั่งเลย "ส้มตำปลาร้าหอยแครงกุ้งสด" แซ่บนัวกับปลาร้าที่ทำจากปลากระดี่แม่น้ำโขง จ.หนองคาย มาทำส้มตำ แล้วคลุกเคล้าด้วยหอยแครงลวกสุกกำลังดีและกุ้งสด หากใครไม่ถนัดกินเผ็ดบอกทางร้านลดพริกได้ ต่อด้วย "ต้มยำกุ้ง" ที่กุ้งลายเสือตัวใหญ่เนื้อแน่น บวกกับเครื่องต้มยำแบบจัดเต็ม ก็ทำให้เมนูจานนี้รสชาติเข้มข้นจนต้องให้คะแนนเต็ม 10 ไปเลย ดับความเผ็ดร้อนกับ "กุ้งอบเนยกระเทียม" รสชาติกลมกล่อมที่ส่งกลิ่นหอมไกลมาจากในครัว


อย่ารีบอิ่มเพราะจะชวนไปกินขนมหวานล้างปากกันต่อที่ "ร้านเตอร์บิลัง" ตรงถนนคนเดิน ร้านดังบนเกาะหลีเป๊ะที่ใครมาเที่ยวเกาะหลีเป๊ะแล้วต้องแวะ โดยเมนูที่น่าลองชิมคือ "ชาชัก" รสชาติเข้มข้นหอมกลิ่นชา สั่งมากินคู่กับโรตี ที่มีให้เลือกหลายแบบ เช่น โรตีใส่ไข่ โรตีมะตะบะ โรตีช็อกโกแลต โรตีกล้วยหอม เป็นต้น กินเสร็จแล้วยังไม่ง่วงก็เดินช็อปปิ้งกันต่อที่ถนนคนเดินได้เลย

ไปเที่ยวหลีเป๊ะอาจต้องใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนานทั้งต่อรถ ต่อเรือ กว่าจะถึง แต่บอกเลยว่าเป็นทริป สุดประทับใจที่คนรักทะเลต้องไปเที่ยวหลีเป๊ะให้ได้สักครั้ง และหากใครกำลังวางแผนจะไปเที่ยวหลีเป๊ะแต่ยังไม่เป๊ะเรื่องการเดินทางได้อ่านลายแทง เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ กิน เที่ยว พักที่ไหน? จัดมาให้ครบ! รับรองเที่ยวหลีเป๊ะได้อย่างมั่นใจแน่นอน
นอกจากนี้สตูลยังมีที่เที่ยวอื่น ๆ สามารถตามไปเที่ยวกันได้กับ 12 ที่เที่ยวสตูล นอกจากหลีเป๊ะ ยังมีที่เป๊ะ ๆ อีกเพียบ! แล้วแวะชิมอาหารกันที่ 10 ร้านอาหารสตูลเจ้าเด็ด ที่ใครมาก็ต้องแวะ! ส่วนใครอยากหาที่เที่ยวใหม่ ๆ เข้าไปกดไลก์และติดตามเพจ Wongnai Travel ไว้ดี ๆ เพราะมีไอเดียมาชวนไปเที่ยวด้วยกันอีกเพียบ
เที่ยวเกาะหลีเป๊ะแล้ว ก่อนกลับกรุงเทพฯ แวะเที่ยวต่อหาดใหญ่ได้ที่นี่