เราคิดว่าปัจจุบันมีหลาย ๆ คนที่ตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Ghosting Relationship กันไม่น้อย เราอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจความรัก ความสัมพันธ์ที่น่าสนใจอย่าง Ghosting Relationship กันอีกหน่อยเผื่อใครตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ไม่รู้ว่านี่ คน หรือ ผี ทำไมอยู่ดี ๆ ก็หายไปกัน มาหาคำตอบและวิธีการปกป้องความรู้สึกตัวเองจากสถานะนี้กันค่ะ
Ghosting Relationship ความสัมพันธ์นี้มีนิยามว่ายังไง?
ในเดือนตุลาคมเป็นเดือนที่เริ่มมีหนังผีเข้า และบางร้านอาจจะปรับเปลี่ยนการตกแต่งร้านให้เข้ากับเทศกาลฮาโลวีน พอเราพูดถึงฮาโลวีนสิ่งที่จะมาซัพพอร์ตความหมายเหล่านก็หนีไม่พ้นเรื่องของผีสาง วิญญาณ และสิ่งลี้ลับ เราจะเข้าสู่ Ghosting Relationship เป็นนิยามของความสัมพันธ์แบบคนคุยหรือคนที่คบหาเงียบหายไป ติดต่อไม่ได้ ไม่มีคำอธิบายคล้ายกับการหายไปของผีนั่นเอง และถึงแม้ว่าการสื่อสารโลกดิจิทัลจะพัฒนาไปไกลแค่ไหนแล้วแต่การติดต่อกับคนที่มีพฤติกรรมแบบ Ghosting ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะค่ะ เพราะถ้าเขาไม่อยากคุยกับเรา ก็ไม่ต้องคิดว่าเขาจะติดต่อกลับมาเลยล่ะค่ะ
มาดูกันต่ออีกหน่อยว่าคนที่ตกอยู่ในความสัมพันธ์นี้อาจมีความรู้สึกว่าตัวเองถูกทอดทิ้ง ซึ่งที่เราคิดว่าน่าเศร้ามาก ๆ คือการถูกทอดทิ้งทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รับคำอธิบาย พฤติกรรมแบบนี้มันส่งผลต่อจิตใจของอีกคนเป็นอย่างมาก ในช่วงแรก ๆ เราอาจจะปลอบใจตัวเองได้ว่าเขาคงยุ่ง หรือว่าไม่เห็นข้อความเลยไม่ได้ตอบกลับมา แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ การพยายามทำความเข้าใจพฤติกรรมแบบ Ghosting จะเปลี่ยนเป็นอารมณ์โกรธ และความเศร้าตามลำดับนั่นเอง ทั้งนี้การเลิกลาจากความสัมพันธ์ Ghosting Relationship มักเกิดขึ้นโดยปราศจากคำอธิบาย ทำให้ส่งผลต่อผู้ที่ถูกทอดทิ้งจนเกิดความสงสัยในคุณค่าของตัวเองโดยอัตโนมัติ
เพราะการที่เราไม่รู้ว่าเขาจากไปด้วยเหตุผลอะไร ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนบาดแผลนี้ก็จะยังคงอยู่ในใจไม่หายค่ะ อย่างน้อย ๆ เราจะนึกถึงเมื่อกำลังจะมีความรักครั้งใหม่จนอาจไม่กล้าเปิดใจที่จะสร้างความสัมพันธ์ครั้งใหม่แน่นอน สำหรับเราความสัมพันธ์ใหม่ไม่น่ากลัวเท่าการถูกทอดทิ้งโดยที่ไม่ได้รับเหตุผลของการจากไป
ความมึน งง บนความเจ็บปวดของการไม่บอกเลิก
ในทุก ๆ ความสัมพันธ์เราคิดว่าความชัดเจนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ หากเรามองเข้าไปในความสัมพันธ์อย่าง Ghosting Relationship เราจะเห็นได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างทำร้ายจิตใจของอีกคนได้มากที่สุดเลยค่ะ เพราะยิ่งอยู่กันนานเท่าไร ความเจ็บปวดจากการโดนเททิ้งก็จะยิ่งเหมือนเราโดนเตะปลั๊กมากที่สุด เรามาจินตนาการแบบง่าย ๆ ถ้าอยู่ดี ๆ แล้วเราโดนอีกคนเทกลางทางแบบไม่ได้บอกอะไรเลย เราคิดว่าความคิดแรก ๆ ท่ีเกิดขึ้นเราจะคิดว่าเราทำอะไรผิด อะไรที่เราไม่ดี ช่วงแรกเราอาจจะไม่ได้จมความคิดนั้นนาน แต่ถ้าเวลาผ่านไปความรู้สึกโทษตัวเองจะเริ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความไม่ดีพอ หรือแม้แต่ภาพลักษณ์ของเราก็อาจจะดูไม่ดีหรือเปล่า
เมื่อเราหาเหตุผลขอวงคนที่หนีจากเราไปไม่ได้มักจะเป็นวังวนของความคิดที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ถ้าเราไม่ได้รับคำตอบนั้นเรื่องราวต่าง ๆ จะวนเวียนอยู่ในหัวและคิดว่าเขาจะกลับมาในสักวันจนไม่กล้าเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน ด้วยความหลงเชื่อว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ได้มีบทสรุปที่แน่ชัดว่าเลิกกันไหม ก็มีความเป็นไปได้ที่เราจะยังรอคน ๆ กลับมา ฉะนั้นความสัมพันธ์แบบ Ghosting จึงเป็นการบอกเลิกที่ทำร้ายจิตใจคนได้มากที่สุดผ่านความไม่ชัดเจนในความสัมพันธ์ และไม่คิดถึงความรู้สึกของอีกคน เมื่อเทียบกับวิธีการบอกเลิกต่อหน้า หรือแม้แต่ส่งข้อความมาบอกก็อาจจะดีกว่าเพราะไม่มีความค้างคาในความสัมพันธ์แล้ว
มาดูกันว่า Ghosting Relationship สร้างบาดแผลทางใจได้ยังไงบ้าง?
ต้องบอกว่าการรับฟัง เข้าใจ และการยอมรับ เป็นสามสิ่งที่ทำให้มนุษย์คนหนึ่งรู้สึกถึงความมีคุณค่าในตัวเอง โดยสามปัจจัยหลักมักเจอได้ในความสัมพันธ์ที่มั่นคงแข็งแรง ทั้งรูปแบบของครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่คนรักก็ตาม เมื่อเรามีคนที่รับฟังซึ่งกันและกันแม้บางครั้งจะมีความเห็นต่างแต่เราจะสามารถเข้าใจและยอมรับในตัวตนของอีกคนได้ สิ่งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีได้ และในทางกลับกันลักษณะความสัมพันธ์ของ Ghosting Relationship มักขาดการติดต่อสื่อสาร ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับการยอมรับ ความเข้าใจ ที่บอกแบบนี้เพราะแม้แต่การสื่อสารเบื้องต้นเองก็ยังไม่สามารถทำตามปกติได้ค่ะ ทั้งนี้ความสัมพันธ์ ghosting เป็นการคบกันแบบทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความไม่มีค่าในทุก ๆ มิติของชีวิตคู่
เราเรียนรู้เรื่องของพฤติกรรมที่จะเกิดในความสัมพันธ์ Ghosting Relationship กันไปแล้ว เราจะพาทุกคนไปดูกันต่อว่าแล้วความสัมพันธ์นี้มันจะสร้างบาดแผลอย่างไรได้บ้าง ต้องบอกว่า "การกระทำ" ทุกรูปแบบมักส่งผลต่อจิตใจของบุคคลฝ่ายตรงข้ามเสมอนะคะ ยิ่งการกระทำนั้น ๆ เกิดขึ้นบ่อย ๆ ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาวส่งผลต่อใจของใครอีกคนอย่างแน่นอนค่ะ เพราะว่าการจากไปแบบที่รู้สาเหตุจะเป็นบาดแผลทางความสัมพันธ์ที่อาจจะต้องใช้เวลาในการรักษายาวนานมาก ลองคิดดูว่าหากคบกันบนพื้นฐานความสัมพันธ์ปกติการบอกเลิกก็มักจะมีเหตุผลมาซัพพอร์ต แต่ ghosting คือการจากไปแบบไม่บอกทิ้งไว้เพียงความมึนคงเท่านั้น หากใครมีความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยมาก่อนก็อาจจะเข้าใจถึงพฤติกรรมนี้ แต่ถ้าใครไม่เคยเจอความสัมพันธ์แบบนี้เราคิดว่าบาปมากเลยล่ะค่ะ สำหรับคนที่ลงมือกระทำ
ทริคการก้าวผ่านความสัมพันธ์แบบ Ghosting Relationship ไปสู่ความสัมพันธ์ใหม่!
มาดูทริคการเอาใจตัวเองให้หลุดพ้นจากความรู้สึกที่ไม่ดีเพื่อก้าวไปสู่การเริ่มต้นใหม่กันหน่อยดีกว่า ความไม่พอดีกันของความสัมพันธ์นี้จะต้องไม่สร้างบาดแผลระยะยาวค่ะ เพราะเราทุกคนจะเสียเวลากับการมีความรักที่ดีไม่ได้! เราเลยอยากชวนทุกคนทำสิ่งเหล่านี้กับตัวเองอยู่เสมอ ๆ ต้องบอกว่าทริคที่เรามาฝากสามารถปรับใช้ได้เลยนะคะ ไม่จำเป็นต้องอยู่ใน Ghosting Relationship ก็สามารถทำตามได้
รู้ทันสิ่งที่เข้ามากระตุ้น : อย่างแรกเราควรรู้ว่าอะไรคือ trigger ของเราค่ะ เพราะเมื่อเกิดการกระตุ้นเชิงลบความรู้สึกเดิมก็จะกลับมา ฉะนั้นเราคิดว่าหากอย่างเริ่มต้นกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่เราอาจจะค่อย ๆ ปล่อยใจจอย ๆ เช็กความสัมพันธ์บ้างว่าตอนนี้อยู่ในระดับไหน มีความต้องการตรงกันไหม และถ้ามีปัญหาคาใจต้องไม่ปล่อยผ่านค่ะ พยายามสื่อสารกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
สะท้อนความรู้สึกกันและกัน : เรารู้แล้วว่าอะไรคือ trigger ของเราแล้วอย่ามองข้ามหรือปล่อยผ่านนะคะ วิธีการเยียวยาตัวเองกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่แนะนำว่าให้สะท้อนความรู้สึกกันบ่อย ๆ เพราะเราจะได้อยู่ในภาวะตื่นรู้ มีสติ และไม่คิดไปเองหากเจอปัญหา หรืออีกนัยสำคัญคือเราจะได้แชร์ความรู้สึกของเราให้กับคนรักได้เรียนรู้ไปด้วยกันตลอดเวลา
สื่อสารทุกเรื่องอย่างชัดเจน : แน่นอนว่าปัญหาของ Ghosting Relationship คือการไม่สื่อสาร หากเราเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่และอยากหลีกเลี่ยงปัญหาเดิมก็ควรจะต้องสื่อสารกันทุกเรื่องอย่างชัดเจน เพื่อลดความกังวลในความสัมพันธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้อาจจะเริ่มจากการเล่าถึงบาดแผลทางใจในความสัมพันธ์ที่เคยเจอให้กับคนรักฟังก่อนก็ได้ค่ะ เราคิดว่าเมื่อสื่อสารเข้าใจ ชัดเจน อย่างตรงไปตรงมาคนรักของเราก็จะได้ช่วยสร้างความมั่นใจว่าจะได้แวบหายไปไหนแบบผีแน่นอนนะนั่นเอง
เปิดใจเรียนรู้อยู่กับความสัมพันธ์ที่ดี : หลาย ๆ ครั้งที่เรามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีในอนาคตมักจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่เราอยากแนะนำคืออย่าเอาอนาคตมาตัดสินปัจจุบัน หรือเอาไปวางไว้ว่าอนาคตจะต้องไม่เจอแบบนี้ ๆ นะ เพราะการที่เรามีชุดความคิดแบบนั้นจะส่งผลต่อพฤติกรรมของเราที่มีต่อคนรักค่ะ ฉะนั้นควรเปิดใจและเรียนรู้กับความสัมพันธ์ที่อยู่ตรงหน้า สื่อสารกันบ่อย ๆ เคารพซึ่งกันและกัน จัดสรรเวลาและแบ่งพื้นที่ส่วนตัวเพื่อไม่สร้างความอึดอัดในความสัมพันธ์ได้จะดีมาก ๆ แบบนี้เราถึงจะเป็นทั้งความสบายใจและพื้นที่ปลอดภัยของคนรักนะคะ เชื่อเถอะเราลองทำมาแล้ว
ไม่ลดทอนคุณค่าในตัวเอง : ไม่ว่าเราจะผ่านอะไรมาอย่าลดทอนคุณค่าที่มีในตัวเองเด็ดขาด ถึงแม้บางส่วนนั้นจะหายไปและต้องใช้เวลาในการสร้างคุณค่าให้กลับมาเต็มเท่าเดิม เราคิดว่าก็ไม่แย่เลยที่จะเรียนรู้และอยู่กับความรู้สึกที่ไม่ดีไปก่อน เพราะอย่างน้อย ๆ ความรู้สึกเหล่านี้จะสอนให้เรารับมือกับทุก ๆ ความสัมพันธ์ในอนาคตได้อย่างแน่นอนค่ะ
สุดท้ายไม่ว่าความสัมพันธ์ไหน ๆ เราคิดว่าทุกความสัมพันธ์ต้องอาศัยความเข้าใจ การยอมรับ และรับฟังมาก ๆ เลยค่ะ ต่อให้เป็นความสัมพันธ์แบบ Ghosting Relationship เราคิดว่าก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งรสนิยมของบุคคลนั้น ๆ ทั้งนี้เราอาจจะทำได้แค่ตั้งตัวเตรียมรับเพื่อที่ถ้าเกิดกระแทกเราจะได้ไม่ยมมากจนเกินไปนั่นเอง ขอให้ทุกคนมีความสุขในทุก ๆ ความสัมพันธ์นะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ