ที่เที่ยวจันทบุรีแบบไม่มีรถส่วนตัว.. บอกเลยว่าทริปนี้ "แวน เฮ้วซิ่ง" พาเที่ยวจันทบุรีคุ้มและกินดุมากกว่าทุกครั้ง! ทั้งจกส้มตำไก่ย่าง แช่น้ำตกสวย นอนชิลที่พักจันทบุรีติดริมน้ำ เดินชมชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูร เที่ยวจุก ๆ 3 วัน 2 คืน สไตล์แวน ตามมาเที่ยวจันทบุรีพร้อมกันเลยจ้า~
Day 1

1สถานีเดินรถโดยสารขนาดเล็ก (จตุจักร)
สำหรับการเดินทางเยือนที่เที่ยวจันทบุรีของผมครั้งนี้ เรามาขึ้นรถมินิบัสกันที่ “สถานีเดินรถโดยสารขนาดเล็ก (จตุจักร)” เช่นเเดิม เราสามารถติดต่อซื้อตั๋วโดยสารไปเที่ยวจันทบุรีได้ที่อาคาร C มีให้เลือกหลายเจ้าเลยครับ “ค่ารถโดยสาร” (ราคา 200 บาท) ผมได้รถรอบเวลา 07.30 น. เดินทางถึงจันทบุรีประมาณ 11.00 น. เพื่อน ๆ คนไหนอยากนั่งรถโดยสารไปเที่ยวจันทบุรี ที่สถานนีจตุจักรจะมีรถจากกรุงเทพฯ-จันทบุรี มีตั้งแต่เวลา 04.30-18.30 น. สำหรับการเดินทางด้วยมินิบัสไปจันทบุรีจะมีเป็นช่วง ๆ สลับกับรถตู้ตลอดวัน พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยครับผมมม

นั่งรถประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงเมืองจันทบุรีกันแล้วจ้า~ จุดหมายแรกของผมวันนี้คือ ไปเที่ยวน้ำตกสวยของเมืองจันฯ วิธีการเดินทาง เราสามารถนั่งรถโดยสารจากสถานีขนส่งจันทบุรีได้เลย หรือจะนั่งจากตลาดน้ำพุก็ได้เช่นกันนะ ตอนแรกผมคิดว่าจะไปหาอะไรกินแถวตลาดน้ำพุก่อน แต่คิดไปคิดมาเราไปหาของกินแถวน้ำตกกินเลยดีกว่า ผมนั่ง “รถมาสด้า” (ราคา 50 บาท) เป็นรถโดยสารประจำเมืองจันทบุรี จากราคาเหมาคันละ 200 บาท แต่ผมหารกับทีมงาน 4 คน ก็ตกคนละ 50 บาทเองนะ ขอประหยัดเงินไว้เที่ยวจันทบุรีนิดนึง ฮ่า ๆ ๆ

2อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
นั่งรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงที่เที่ยวจันทบุรีจุดแรกกันแล้วครับผมมม~ ซึ่ง ‘ลุงขร’ จะขับรถมาส่งเราที่หน้า "อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว" เลยครับ สะดวกมาก บริเวณด้านหน้าอุทยานจะมีร้านอาหาร ร้านขายของอยู่พอสมควร ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง มาเที่ยวน้ำตกเราก็ต้องจัดเมนูแซ่บ ๆ อย่างส้มตำกันหน่อยนะ ผมจัดมาทั้งหมด 3 เมนู “ลาบ” (ราคา 70 บาท), “ไก่ย่าง” (ราคา 35 บาท) และ “ข้าวเหนียว” (ราคา 10 บาท) มาเที่ยวแบบนี้ ผมก็ไม่ลืมพกกล่องข้าวส่วนตัวติดมาด้วย น่ารักใช่ไหมล่ะ (หมายถึงผมนะครับ) ฮ่า ๆ

ก่อนเข้าไปเที่ยวน้ำตกพลิ้ว เราต้องชำระ“ค่าเข้าอุทยาน” (ราคา 40 บาท) กันก่อน เดินเข้ามาด้านในเราจะยังไม่เจอน้ำตกทันทีนะครับ ต้องเดินเท้าต่ออีกนิด ระหว่างทางเราจะได้ชมธรรมชาติสวย ๆ ต้องบอกว่าที่นี่อุดมสมบูรณ์มากจริง ๆ ครับ แต่ถ้าใครรู้ตัวว่าเดินไม่ไหว ทางอุทยานก็มีบริการรถกอล์ฟด้วยนะ ราคาแค่ 10 บาท/คน เท่านั้นเอง สำหรับอาหารที่เราซื้อมา ทางอุทยานจะไม่ให้นำอาหารเข้าไปในน้ำตกนะจ๊ะ ทางอุทยานจะมีศาลา ห้องน้ำ และจุดล้างภาชนะไว้บริการครบครัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวแวะนั่งกินข้าวกันสบาย ๆ ก่อนเข้าไปเที่ยวน้ำตกนั่นเอง ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ช่วยแก้ไขปัญหาขยะได้ดีเลยครับ


“น้ำตกพลิ้ว” เป็นที่เที่ยวจันทบุรียอดนิยม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักแวะเวียนมาเที่ยวกันต่อเนื่อง ไม่ว่าจะวันธรรมดาก็มีคนเยอะ ด้วยความที่น้ำตกที่นี่มีความสวยงาม น้ำใสมาก แถมไม่มีขยะให้เห็นเลยสักชิ้น! บวกกับอากาศบ้านเรา ร้อนอบอ้าวแบบนี้ เจอสายน้ำเย็นฉ่ำเข้าไป บอกเลยฟินมากกก~ ที่สำคัญที่เที่ยวจันทบุรีแห่งนี้มีน้ำให้เราเล่นตลอดทั้งปี แต่จะน้ำมากน้ำน้อยก็แล้วแต่ฤดูกาล หลังจากแช่น้ำตกมาเหนื่อย ๆ ท้องผมก็เริ่มร้องโครกคราก~ บ่งบอกถึงความหิว ผมโทรศัพท์หาลุงขร รถมาสด้าเจ้าเดิม ให้มารับผมและทีมงานที่น้ำตกพลิ้ว และไปส่งที่ร้านอาหารจันทบุรีต่อ “นั่งรถมาสด้า” (ราคา 50 บาท) หาร 4 เช่นเดิมนะ ฮ่า ๆ ๆ


3ร้านจันทร์อร่อย
ร้าน “จันทร์อร่อย” ร้านอาหารจันทบุรีที่ผมและทีมงานเลือกในวันนี้ บรรยากาศดี ติดริมน้ำ ร่มรื่นสุด ๆ เลย จากเดิมที่หิวอยู่แล้ว ยิ่งเล่นน้ำตกทวีความหิวอีกเป็นเท่าตัว หน้ามืดตามัว ผมและทีมงานสั่งอาหารไปทั้งหมด 10 เมนู!! มีอะไรบ้างมาดูกัน เริ่มด้วยเมนูเด็ด “ยำจันทร์อร่อย” (ราคา 120 บาท) เมนูยำรสเด็ดของทางร้าน รสชาติไม่เผ็ดมาก กำลังพอดี ต่อด้วยเมนู “ห่อหมกมะพร้าวอ่อน” (ราคา 170 บาท) เมนูห่อหมกที่เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าวเก๋ ๆ รสชาติกลมกล่อมสุด ๆ

และขนทัพเมนูเด็ดอีกเพียบ เช่น “ซี่โครงจันทร์อร่อย” (ราคา 180 บาท), “แกงส้มไข่ปลา” (ราคา 250 บาท), “เป็ดร่อน” (ราคา 350 บาท), “กระเพาะปลาผัดแห้ง” (ราคา 200 บาท), “กุ้งแม่น้ำผัดพริกเกลือ” (ราคา 250 บาท), “กุ้งเต้นจันทร์อร่อย” (ราคา 250 บาท), “หมูคั่วจันทร์อร่อย” (ราคา 120 บาท) และปิดท้ายด้วยเมนูสุดแซ่บ ถ้ามาที่ร้านนี้ก็ห้ามพลาดอีกเช่นกัน “ตำลาวจันทร์อร่อย” (ราคา 150 บาท)

เบ็ดเสร็จค่าอาหารของพวกเราทั้งหมดราคา 2,210 บาท! โชคดีที่ครั้งนี้ผมพก "บัตรเครดิตธนาคารออมสิน" ติดตัวมาด้วย เพราะเขามีสิทธิพิเศษ เมื่อกินอาหารครบ 1,500 บาท จะได้ส่วนลดฟรี ๆ 10% สรุป"ค่าอาหารเย็น" (ราคา 1,989 บาท) ประหยัดเงินไปได้ 221 บาทเชียวนะ! ถึงค่าอาหารอาจดูแรงไปนิด แต่ขอบอกว่ามื้อนี้เรากินกันทั้งหมด 4 คน แถมใส่กล่องกลับไปกินต่อในที่พักได้อีกด้วย วัตถุดิบคุณภาพดี บรรยากาศดีแบบนี้ คุ้มค่าสุด ๆ เลยครับ หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน โทรหาลุงขรให้มารับไปที่พัก “นั่งรถมาสด้า” (ราคา 20 บาท) เหมือนเดิม
รายละเอียดส่วนลดร้านอาหารจันทร์อร่อยสำหรับผู้ที่ใช้บัตรเครดิตออมสิน
- ส่วนลด 10% เมื่อทานอาหารครบ 1,500 บาทขึ้นไป


4ลาลูนา ริเวอร์ เฮาส์
นั่งรถประมาณ 10 นาทีเราก็มาถึง “ลาลูนา ริเวอร์ เฮาส์” ที่พักจันทบุรีของเราในคืนนี้เป็นเกสต์เฮาส์ตั้งอยู่ในชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูร และอยู่ติดริมน้ำจันทบูรเลย สะดวกสบายมาก ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะพาไปทัวร์ชุมชนกันต่อ แต่ตอนนี้ขอไปเช็กอินก่อนครับ

สำหรับผู้ที่พกบัตรธนาคารออมสิน ได้ส่วนลด 10% ฟรี ๆ อีกแล้ว บอกเลยพกบัตรนี้คุ้มจริงจริ๊ง~ จากราคาห้องพัก 1,190 บาท ได้ส่วนลด 10% เหลือ “ค่าห้องพัก” (ราคา 1,071 บาท) คุ้มอีกแล้ว กลางคืนใครรู้สึกหิวก็เดินออกมาหาร้านอาหารในชุมชนจันทบูรได้ มีเปิดไม่เยอะมากนัก แต่บรรยากาศเงียบสงบมาก แต่วันนี้ผมขอตัวไปพักผ่อนเอาแรงก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เที่ยวจันทบุรีกันต่ออีก 1 วัน ตามแวนมาเลยจ้า~
รายละเอียดส่วนลดที่พัก ลาลูนา ริเวอร์ เฮาส์ สำหรับผู้ที่ใช้บัตรเครดิตออมสิน
- ส่วนลด 10%

Day 2

5ชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูร
ต้อนรับวันใหม่ด้วยอากาศเย็นสบาย เหมาะกับการเดินเที่ยว “ชุมชนริมน้ำจันทบูร” เป็นชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ชุมชนนี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความสวยงามของตึกรามบ้านช่องไว้ได้เป็นอย่างดี เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยก่อนเลย ปัจจุบันเป็นที่เที่ยวจันทบุรียอดฮิต นอกจากมุมถ่ายรูปสวย ๆ ในชุมชนยังประกอบไปด้วย ร้านค้า พิพิธภัณฑ์ ศาลเจ้า เกสต์เฮาส์ รวมถึงร้านอาหาร ร้านขนม และร้านกาแฟน่ารัก ๆ ให้เลือกนั่งชิลอยู่หลายร้านเลย

เช้า ๆ แบบนี้ต้องหาอะไรร้อน ๆ กินสักหน่อย ระหว่างเดินหาร้านอาหารจันทบุรีก็มาเจอ “ร้านกวยจั๊บป้าไหม” ร้านกวยจั๊บเก่าแก่ ด้านหน้าไม่มีชื่อร้านติดอยู่ แต่ป้าไหมเล่าว่าแกเปิดขายมาราว ๆ 50 ปีแล้ว ขายมาตั้งแต่อายุ 20 ปี เป็นสูตรที่ป้าไหมคิดค้นขึ้นมาเองด้วย “ค่ากวยจั๊บ” (ราคา 30 บาท) ราคาถูกแถมรสชาติดีไม่ใช่เล่น ๆ เลยขอบอก ใครอยากแวะมาลิ้มลอง เปิดทุกวันตั้งแต่ 07.30-15.00 น.

เดินเที่ยวชุมชนต่อ เรามาเจอ “ขนมควยลิง” (ราคา 20 บาท) ขนมชื่อแปลกที่ทำจากแป้งธัญพืช ข้าวเหนียวดำ และนำมาต้มสุก โรยด้วยเนื้อมะพร้าว น้ำกะทิ และงาหอม ๆ ต่อด้วย “ไอศกรีมจรวด” (ราคา 12 บาท) ถือเป็นซิกเนเจอร์ของชุมชนเลย เพราะเป็นโรงงานผลิตไอศกรีมด้วยเครื่องจักรแห่งแรกของเมืองจันทบุรี มีหลายรูปแบบ หลายรสชาติให้เลือกกิน เติมความสดชื่นด้วย “น้ำมะนาว” (ราคา 30 บาท)

มาเที่ยวชุมชนจันทบูรแล้วก็ต้องไม่พลาดร้าน “เจ๊อี๊ดริมน้ำ” ร้านเก่าแก่ประจำจังหวัด ที่มีเมนูอาหารทะเลสด ๆ หลากหลายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง ปู ปลาหมึก และทีเด็ดเลยก็คือกั้งที่ให้เยอะ ไม่มีกั๊ก ผมสั่ง “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเล” (ราคา 100 บาท) ในชามมีทั้งกุ้ง ปลาหมึก กั้ง ปู อัดแน่นเต็มชามเลยครับ และตบท้ายด้วยร้านคาเฟ่จันทบุรีที่ตั้งอยู่ในชุมชน “C.A.P. (Cafe And People)” ผมสั่งเครื่องดื่มเป็น “ลาเต้เย็น” (ราคา 115 บาท) ได้ส่วนลด 5 บาท เพราะผมพกแก้วมาเอง น่ารักมาก ๆ



6อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
กินอิ่มแล้ว อีกหนึ่งแลนด์มาร์กต้องห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวจันทบุรี “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” เดินจากชุมชนริมน้ำจันทบูรมาได้เลย อยู่ใกล้มาก ๆ เป็นโบสถ์เก่าแก่สไตล์ยุโรป อยู่คู่กับชุมชนริมน้ำจันทบูรมากว่า 300 ปี ถือเป็นที่เที่ยวจันทบุรีที่เป็นสัญลักษณ์ของชุมชนที่พลาดไม่ได้เลย ตัวโบสถ์ถูกสร้างแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก หรือเรียกว่าศิลปะแบบกอทิก

ด้านนอกว่าสวยแล้ว ด้านในสวยยิ่งกว่า รอบตัวโบสถ์จะประดับไปด้วยกระจกสีสเตนกลาส เป็นรูปนักบุญ ให้แสงส่องผ่านเข้ามายังตัวโบสถ์ วิจิตรงดงามมาก หลังจากเดินเที่ยวชุมชนริมน้ำจันทบูรกันเรียบร้อย ก็ถึงเวลากลับบ้านกันแล้ว นั่งวินมอเตอร์ไซค์แถวชุมชนไปที่ “สถานีขนส่งผู้โดยสารจันทบุรี” ได้เลย “ค่าวินมอเตอร์ไซค์” (ราคา 20 บาท)

ทริปนี้เราใช้เงินไปทั้งหมด 4,062 บาท อิ่มฟินครบ บอกเลย “ทริปเที่ยวจันทบุรี 3 วัน 2 คืน” ครั้งนี้ แวน เฮ้วซิ่งใช้งบได้คุ้มค่าสุด ๆ กินเยอะ เที่ยวแยะ ขนความสุขกลับบ้านเพียบ~ ใครกำลังมองหาที่เที่ยว 3 วัน 2 คืน ผมขอแนะนำที่เที่ยวจันทบุรีเลย ของกินก็ดี ที่เที่ยวก็ครบ แล้วอย่าลืมพกบัตรเครดิตธนาคารออมสินติดตัวไว้ อุ่นใจกว่าเยอะครับผมมม~

อภิสิทธิ์พิเศษกว่าใคร ด้วยกํารแลกสลํากออมสินพิเศษ!
ธนาคารออมสินมอบอภิสิทธิ์สำหรับท่านสมาชิกผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารออมสิน สามารถนำคะแนนสะสม GSB Reward Point มาแลกรับสลากออมสินพิเศษ ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษและเอกลักษณ์เฉพาะของธนาคารออมสิน
เงื่อนไขและข้อกำหนด
- คะแนนสะสม GSB Reward Point 1,000 คะแนน สามารถน ามาแลกสลากออมสินพิเศษได้มูลค่า 100 บาท
- สมาชิกผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารออมสิน ที่ประสงค์จะแลกสลากออมสินพิเศษ จะต้องมีบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน ประเภทเผื่อเรียก และทะเบียนสลาก หากผู้ถือบัตรยังไม่มีบัญชีเงินฝาก และทะเบียนสลากดังกล่าว สามารถติดต่อธนาคารออมสินได้ทุกสาขาทั่วประเทศ และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th
- กำหนดระยะเวลาการแลกรับสลากออมสินพิเศษ
แลกระหว่างวันที่ 01 - 10 ของเดือน สามารถรับสลากได้ตั้งแต่วันที่ 27 ของเดือนเดียวกัน
แลกระหว่างวันที่ 11 - 20 ของเดือน สามารถรับสลากได้ตั้งแต่วันที่ 07 ของเดือนถัดไป
แลกระหว่างวันที่ 21 - 31 ของเดือน สามารถรับสลากได้ตั้งแต่วันที่ 15 ของเดือนถัดไป - ขอรับสลากออมสินพิเศษได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ โดยต้องแสดงบัตรเครดิตธนาคารออมสิน พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน
- คะแนน GSB Reward Point ที่แลกเป็นสลากออมสินพิเศษแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นคะแนน GSB Reward Point ได้อีก
- คะแนนสะสม GSB Reward Point ที่สามารถแลกเป็นสลากออมสินพิเศษ ในอัตรา GSB Reward Point 1,000 คะแนน เท่ากับสลากออมสินพิเศษ มูลค่า 100 บาท ต้องเป็นคะแนนสะสมที่คำนวณจากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ร่วมรายการ ภายใต้ชื่อ - นามสกุลเดียวกันเท่านั้น (ไม่สามารถนำคะแนนของบัตรเสริมมารวมได้)
- ธนาคารสงวนสิทธิ์ให้ใช้คะแนนสะสมแลกสลากออมสินพิเศษได้เฉพาะผู้ถือบัตรที่ยังคงเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของธนาคาร ณ วันที่ใช้สิทธิ์ดังกล่าว และเป็นผู้ถือบัตรที่ชำระเงินค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตตรงตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงไว้กับธนาคารเท่านั้น
- กรณีที่บัตรเครดิตธนาคารออมสินไม่ได้รับการต่ออายุหรือถูกปิด แต่ยังคงมีคะแนนสะสมเหลืออยู่ ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่อนุญาตให้ทำการแลกสลากออมสินพิเศษ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
- ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่าง ๆ ของรายการ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
- หากกรณีมีข้อพิพาท คำตัดสินของธนาคารถือเป็นที่สิ้นสุด
- เงื่อนไขการใช้คะแนนสะสม GSB Reward Point เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนดและสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Credit Card Call Center โทร. 0 2299 8888