“ไปเที่ยวอุบลราชธานีกันเลยค่ะ” น้ำเสียงหวาน ๆ นุ่ม ๆ ของป้าแป๋ว หรือที่เรารู้จักกันใน 'เพจคุณป้าแบ็คแพ็ค' คุณป้าพาเที่ยวที่จะพาเราออกเดินทางไปท่องเที่ยวกันยันสุดขอบแดนอีสาน! ที่เที่ยวอุบลราชธานีที่รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ และ Unseen ไว้เพียบ! เริ่มจากเช็คอินร้านอินโดจีน ร้านอาหารเวียดนามเก่าแก่ในอุบลฯ ต่อด้วยเปิดรันเวย์ชิค ๆ ในสามพันโบก ล่องเรือชมหาดทรายสวยมุยเน่เมืองไทย ต้อนรับแสงแรกของเมืองไทยบนผาแต้ม ฟังแล้วทึ่ง! ไม่อยากเชื่อว่า คุณป้าวัย 66 ปี จะพาเราไปเที่ยวอุบลราชธานี 2 วัน 1 คืน ได้จริงหรือ? ถ้าไม่เชื่อก็มาพิสูจน์ไปพร้อม ๆ กัน!


สำหรับการเดินทางลุยที่เที่ยวอุบลราชธานีเหมาะสำหรับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว เพราะการเดินทางไปเที่ยวระหว่างอำเภอหนึ่งไปยังอีกอำเภอหนึ่งค่อนข้างไกลและหารถโดยสารได้ยาก ซึ่งที่อุบลราชธานีก็มีบริการให้เช่ารถยนต์ขับเที่ยวเอง หรือจ้างรถตู้พาเที่ยวก็ได้เหมือนกันค่ะ
- Day 1 -
1ร้านอาหารอินโดจีน
วัยเก๋าพาเที่ยว เริ่มต้นทริปเที่ยวอีสานกับร้านอาหารอุบลราชธานี “ร้านอินโดจีน” เป็นร้านอาหารเวียดนามเก่าแก่ในอุบลฯ เปิดมานานกว่า 40 ปี! ที่คนท้องถิ่นแนะนำว่าต้องมาชิมให้ได้! ป้าแป๋วไม่พลาดจัดเมนูเด็ด ๆ ของทางร้านมาถึง 4 เมนูด้วยกัน เริ่มด้วยเมนูประจำร้าน “แหนมเนืองแบบดั้งเดิมชุดเล็ก” (ราคา 200 บาท) อัดแน่นไปด้วยเครื่องทั้งมะเฟือง, กล้วยดิบ, กระเทียม, พริกสด ฯลฯ เสิร์ฟคู่กับแผ่นเมี่ยงทำเอง เสิร์ฟต่อด้วยเมนู “ขนมเบื้องญวนกุ้งสด” (ราคา 100 บาท) ใช้แป้งข้าวเจ้าโม่เอง มีส่วนผสมของผงกระหรี่ ไข่เป็ด น้ำปูนใส กุ้งสับ หมูสับ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด


ต่อด้วยเมนูต้องห้ามพลาด “ยำหัวปลี” (ราคา 100 บาท) มีทั้งหมูสับ หนังหมูซอย กินคู่กับข้าวเกรียบงารสชาติกรุบกรอบถูกปากป้าแป๋วจริง ๆ ปิดท้ายด้วยเมนู “กุ้งพันอ้อย” (ราคา 140 บาท) ทางร้านจะใช้เนื้อกุ้งสด ๆ ผสมกับมันหมูนิด ๆ หอมกลิ่นพริกไทย มื้อนี้ป้าแป๋วยกนิ้วให้เลย~

'ป้าแป๋วกดไลค์ให้ทุกเมนูเลยค่ะ'
2สามพันโบก - หาดหงษ์ - หาดหินสี
“มาเที่ยวอุบลราชธานีทั้งทีไม่ไปเที่ยวสามพันโบกถือว่ามาไม่ถึงนะคะ” ว่าแล้วป้าแป๋วก็พาเราออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อำเภอโพธิ์ไทรกันต่อ ซึ่งระยะเวลาจากอำเภอเมืองมาถึงอำเภอโพธิ์ไทรใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง! ไกลแค่ไหนวัยรุ่นอย่างป้าแป๋วก็ไม่หวั่นอยู่แล้ว ลุยเลยจ้า~

“สามพันโบก” สถานที่ท่องเที่ยวสุด Unseen ในอุบลราชธานี...เมื่อเดินทางมาถึงแล้วให้นั่ง “รถสองแถวชาวบ้าน” (ราคา 200 บาท) ลงไปที่สามพันโบก หรือถ้าใครอยากออกกำลังกายก็สามารถเดินไปได้เหมือนกัน แต่ระยะทางแอบไกลอยู่ อาจจะหอบแฮ่ก ๆ เอาเสียก่อน!



โอ้โห! ป้าแป๋วถ่ายรูปตรงไหนก็สวยปังไปหมด! ใครอยากมาเที่ยวสามพันโบกชิค ๆ แบบป้าแป๋วก็สามารถเดินทางมาได้ทุกวัน แต่แนะนำให้มาก่อนช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว เพราะในช่วงหน้าฝนน้ำจะขึ้นสูงมาก จนเรามองไม่เห็นโบกหิน หมายถึงเราไม่สามารถลงไปเที่ยวได้นั่นเองค่ะ ตอนนี้ป้าแป๋วก็ถ่ายรูปที่สามพันโบกจนหนำใจแล้ว ป้าแป๋วจะพาเราไปชมมุยเน่เมืองไทยกันต่อ ซึ่งการเดินทางก็ไม่ยาก เราสามารถเหมาเรือชาวบ้านที่สามพันโบกไปได้ “เหมาเรือ” (500 บาท) เพื่อไปยังหาดหงษ์และหาดหินสี ถ้าพร้อมแล้วก็ Go Go~

นั่งเรือแค่แป๊บเดียว ป้าแป๋วก็มาถึง “หาดหงษ์” หรือที่ใครหลายคนขนานนามยกให้เป็น “มุยเน่เมืองไทย” มีหาดทรายสีขาวนวลชวนแปลกตา รายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่เติบโตขึ้นบนผืนทราย “ว้าว...นี่มัน Unseen Thailand จริง ๆ นะเนี่ย” ป้าแป๋วพูดพลางเดินชมทิวทัศน์รอบ ๆ อย่างมีความสุข โชคดีที่วันนี้อากาศไม่ร้อนมาก ปลอดโปร่งลมพัดเย็นสบาย ทำให้ป้าแป๋วถ่ายรูปชิลล์ ๆ ได้ทั้งวัน มีรูปกลับไปอวดเพื่อน ๆ เพียบ!


3โรงแรม De Lit
เราเดินทางกลับมาหาที่พักในอำเภอเมืองอุบลฯ ซึ่งป้าแป๋วได้เลือกที่พักน่ารัก ๆ อย่างโรงแรม “De Lit” โรงแรมอุบลราชธานีสุดเก๋ มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ! โรงแรมมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ถูกตกแต่งสไตล์เมดิเตอเรเนียนโทนสีฟ้าขาวดูสบายตา เก๋และมีสไตล์สุด ๆ ภายในโรงแรมจะมีสระว่ายน้ำ บาร์เครื่องดื่ม และบาร์อาหารไว้บริการ ได้รับกุญแจแล้วไปสำรวจห้องพักกันเลยค่ะ


“ว้าว...ห้องพักสวยจัง น่านอนมาก ๆ” คำอุทานแรกหลังจากที่ป้าแป๋วเปิดประตูห้องเข้าไป เก๋ตั้งแต่หน้าโรงแรมจนไปถึงห้องพักเลยค่ะ ภายในห้องมีมุมโซฟาให้อ่านหนังสือด้วย น่ารักมาก ๆ หลังจากป้าแป๋วเก็บสัมภาระเรียบร้อย ก็ออกมานั่งพักผ่อนหย่อนใจริมสระว่ายน้ำ ถ่ายรูปชิค ๆ กันสักหน่อย ต่อด้วยนั่งจิบเครื่องดื่ม “อิตาเลี่ยนโซดา” (ราคา 60 บาท) มีส่วนผสมของสตรอว์เบอร์รี่และส้ม ช่วยเติมความสดชื่นให้ร่างกายได้ดีเลยทีเดียว


ขอแนะนำเมนูของหวาน “ฟัดจ์บราวนี่” (ราคา 45 บาท) รสชาติไม่หวานมาก ได้ความเข้มข้นของช็อกโกแลตและกาแฟ ท็อปด้วยผลไม้เบอร์รี่แต่งหน้าด้วยไอซิ่ง รสชาติหนึบหนับดีแถมราคาถูกเว่อร์! กินเสร็จคืนนี้เราต้องรีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้เรามีภารกิจสำคัญที่ต้องทำ! แอบกระซิบสำหรับใครที่ถือบัตรเครดิตธนาคารออมสินจะได้รับส่วนลดถึง 20% (เมื่อทำการจองห้องพัก 2 ห้องขึ้นไปหรือ 2 คืนขึ้นไป) ใครสนใจสามารถกดสมัครบัตรเครดิตธนาคารออมสินได้ที่นี่เลย นอกจากนี้ยังมีที่พักอุบลราชธานีอีกหลายแห่งที่ร่วมกับโปรโมชั่นนี้! ช่วยทำให้การใช้จ่ายของเราสะดวกสบายขึ้น รู้แบบนี้แล้วรีบจัดกระเป๋าตามป้าแป๋วมาด่วน ๆ เล้ยยย~

- Day 2 -
4อุทยานแห่งชาติผาแต้ม
วันที่สองเรารีบตื่นกันตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่! ออกเดินทางจากที่พักประมาณตี 4 นิด ๆ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ “อุทยานแห่งชาติผาแต้ม” อำเภอโขงเจียม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง มี “ค่าเข้าอุทยาน” (ราคา 40 บาท/คน) และ “ค่ารถยนต์” (ราคา 30 บาท/คัน) อุทยานแห่งชาติผาแต้มเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอุบลราชธานีที่ต้องห้ามพลาดอย่างแรง นอกจากภาพเขียนสีที่ขึ้นชื่อแล้ว ผาแต้มยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นจุดแรกของประเทศไทย ตี 5 กว่า ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว



“แสงแรกของประเทศไทยมาแล้วค่ะ! (>_<) ” เสียงป้าแป๋วหันมาพูดกับเราด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ ยืนตะลึงกับความสวยงามที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารัวชัตเตอร์ เพื่อส่งภาพไปอรุณสวัสดิ์คนที่บ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ท้องฟ้าปิด คิดว่าจะไม่ได้เห็นแสงแรกของวันนี้ซะแล้ว โชคดีจริง ๆ นะป้าแป๋ว! ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาแต้มจนเลือนหายไปในก้อนเมฆเรียบร้อย อย่าลืมแวะชมภาพเขียนสีแต้มของที่นี่กันต่อนะคะ ซึ่งทางเดินก็ไม่ลำบากมาก ระยะทางไกลเล็กน้อย สายแบ็คแพ็คแบบป้าแป๋วไม่มีท้อสักนิด!

5จุดชมวิวแม่น้ำสองสี
ป้าแป๋วพาเราไปเที่ยวอุบลราชธานีต่อกันที่ “จุดชมวิวแม่น้ำสองสี” เป็นจุดที่เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน “โขงสีปูน มูลสีคราม” เป็นแม่น้ำที่แบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและฝั่งเพื่อนบ้านเรา สปป.ลาวนั่นเองค่ะ ใครอยากชมวิวแม่น้ำสองสี เราแนะนำให้มาเที่ยวในช่วงหน้าฝน เพราะจะเป็นช่วงที่น้ำเยอะ ทำให้เรามองเห็นสีของแม่น้ำตัดกันเป็นสีได้ชัดเจนกว่า

6สะพานแขวนแก่งตะนะ
ปิดทริปเที่ยวอุบลราชธานีกับที่เที่ยวโขงเจียมจุดสุดท้ายใน “อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ” ซึ่งป้าแป๋วได้พาเรามาที่ “สะพานแขวนแก่งตะนะ” เป็นสะพานแขวนคนเดินข้ามที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เราจะมองเห็นวิวของแม่น้ำมูล นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์อีกมากมาย ที่รอให้ทุกคนเดินทางมาสัมผัสแบบป้าแป๋วกันน้า~


“เที่ยวอุบลราชธานี 2 วัน 1 คืน” กับ “ป้าแป๋วแบ็คแพ็ค” เที่ยวกันจุใจสุด ๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ! ป้าแป๋วก็ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วนะ ว่าอายุเนี่ยเป็นเพียงตัวเลขจริง ๆ คนอายุ 66 ปีอย่างป้าแป๋วยังสามารถออกเดินทางไปท่องเที่ยวไหนต่อไหนคนเดียวได้สบาย ๆ “แก่แล้ว...ถ้าไม่ไปตอนนี้จะไปตอนไหน?” (ป้าแป๋วฝากไว้ให้คิด) ยังไงก็ขอฝากป้าแป๋วและทริปเที่ยวอุบลราชธานีทริปนี้ ไว้เป็นลิสต์การเดินทางในครั้งต่อไปของเพื่อน ๆ ด้วยน้า~ สำหรับใครยังไม่จุใจเรามีที่เที่ยวที่กินแนะนำใน “30 ที่เที่ยวเมืองอุบลราชธานี” หรือค้นหาร้านอาหารอุบลราชธานีเพิ่มเติมใน “10 ร้านอาหารอุบลราชธานี ที่ไม่ควรพลาด” และอย่าลืมกดติมตามเพจ Wongnai Travel กันด้วยน้า~
เรายังมีเรื่องเที่ยวอุบลราชธานีน่าสนใจเพียบ~












