เจาะลึก “กาแฟ” แต่ละเมนูเรียกแบบไหน มีวิธีชงอย่างไรบ้าง?
  1. เจาะลึก “กาแฟ” แต่ละเมนูเรียกแบบไหน มีวิธีชงอย่างไรบ้าง?

เจาะลึก “กาแฟ” แต่ละเมนูเรียกแบบไหน มีวิธีชงอย่างไรบ้าง?

เปิดคัมภีร์ “กาแฟ” สรุปแล้วเมล็ดมีกี่ชนิด แต่ละเมนูเรียกว่าอะไร พร้อมวิธีการชงแบบเบสิก อ่านจบแล้ว รับรองว่าทั้งสั่งและชงกาแฟได้อย่างมือโปรฯแน่นอน!
writerProfile
5 ก.ค. 2022 · โดย

“กาแฟ” เครื่องดื่มยอดฮิตที่ไว้เพิ่มความฟิตช่วงเช้า แต่เพื่อน ๆ เคยสงสัยไหมว่า กาแฟแต่ละแบบต่างกันยังไง? ก็เล่นมีทั้งอเมริกาโน ลาเต้ เอสเปรสโซ ละลานตาเต็มไปหมด หรือแม้กระทั่งเมล็ดกาแฟเองสรุปแล้วมีกี่สายพันธ์ุกันแน่ วันนี้เลยขอพาทุกคนไป เจาะลึก “กาแฟ” แต่ละเมนูเรียกแบบไหน มีวิธีชงอย่างไรบ้าง?

ทำความรู้จัก “เมล็ดกาแฟ” จุดกำเนิดเครื่องดื่มยอดฮิต

ก่อนจะไปเจาะลึกเมนูต่าง ๆ เรามาทำความรู้จักประวัติกาแฟกันก่อนดีกว่า เมล็ดกาแฟมีจุดกำเนิดมาจากที่ราบสูงในแถบเอธิโอเปียเมื่อหลายศตวรรษก่อน โดยมีตำนานที่เล่าว่า เมล็ดกาแฟถูกค้นพบโดย คาลดี (Kaldi) คนเลี้ยงแกะไปเจอผลเบอร์รีชนิดหนึ่ง พอลองชิมแล้วเกิดรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น จนนำมาทดลองสกัดเป็นเครื่องดื่มกินกันในหมู่บ้าน และได้เผยแพร่เป็นวงกว้างมากขึ้นจากประเทศอาราเบีย อิตาลี เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส จนกระจายทั่วโลก

สายพันธุ์เมล็ดกาแฟ

และปัจจุบันสายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟ จะมีอยู่ 4 สายพันธ์ุหลัก ๆ ด้วยกันคือ

  1. Arabica พบมากที่สุดในอเมริกาเหนือ มีรสหอมหวาน นุ่มนวล
  2. Robusta เป็นที่นิยมในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รสชาติเข้มข้นและคาเฟอีนค่อนข้างสูง
  3. Liberica หนึ่งเมล็ดกาแฟหายาก รสชาติเป็นเอกลักษณ์ มีกลิ่นควันและผลไม้ป่าผสมกัน
  4. Excelsa สายพันธ์ุที่มักพบในแอฟริกา มีความเข้มและขมค่อนข้างมาก 

เมนูกาแฟแต่ละแบบเรียกยังไง? ต่างกันตรงไหนบ้าง? 

1เอสเปรสโซ

เมนูเอสเปรสโซคืออะไร

“เอสเปรสโซ” ถือว่าเป็นเหมือนเบสของกาแฟทั้งหมด เพราะเป็นกาแฟที่สกัดออกมาเป็นช็อต เข้มข้นที่สุด โดยวิธีการสกัดจะใช้แรงดันน้ำที่เดือด ผ่านตัวเมล็ดกาแฟ ออกมาเป็นช็อตกาแฟดำสุดเข้มข้น ที่เรียกว่า เอสเปรสโซ และกาแฟเอสเปรสโซ และนิยมกินแบบร้อน แต่ในปัจจุบันบางวัฒนธรรมก็มีการนำมาประยุกต์ดื่มแบบเย็นและเพิ่มความหวานเข้าไปเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น 

2อเมริกาโน

เมนูอเมริกาโนประกอบด้วยอะไรบ้าง

“อเมริกาโน” หรือหลาย ๆ คนมักเรียกว่า กาแฟดำ แถมแคลอรีน้อย และดื่มง่ายที่สุด โดยรูปแบบคือการใส่น้ำเพิ่มเข้าไปในกาแฟเอสเปรสโซเพื่อให้ให้เจือจางลง มีทั้งแบบเย็นและแบบร้อน หรือบางสูตรอาจมีการเพิ่มน้ำผึ้ง น้ำส้ม น้ำเชื่อมต่าง ๆ ลงไปเพิ่มความหอมหวาน และดื่มง่ายขึ้นอีกด้วย

3คาปูชิโน

คาปูชิโนเป็นยังไง

“คาปูชิโน” กาแฟนมที่มีฟองนมนุ่ม ๆ ด้านบนเป็นเอกลักษณ์ โดยวิธีคือจะนำนมมาสตรีมให้ร้อน และใส่กาแฟเอสเปรสโซลงไปประมาณ 6 ออนซ์ปริมาณต่อ 1 แก้ว และใส่ฟองนมลงไปท็อปด้านบน ดื่มได้ทั้งแบบกาแฟร้อน กาแฟเย็น และเป็นเมนูกาแฟปั่นก็ได้

4ลาเต้

เมนูลาเต้ กาแฟนม

“ลาเต้” เป็นเมนูกาแฟผสมนมที่รสชาติไม่เข้มมาก เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหัดกินกาแฟ วิธีทำก็คือนำนมมาสตรีมให้ร้อน เติมกาแฟเอสเปรสโซลงไป และเติมนมลงไป หรือหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับเมนูลาเต้ร้อนมักจะมีการทำลาเต้อาร์ต โดยการเติมนมลงไปให้เป็นลวดลายต่าง ๆ ด้วย เพิ่มความน่ารักน่ากินไปอีก

5มอคค่า

มอคค่าเมนูกาแฟผสมช็อกโกแลต

“มอคค่า” เมนูกาแฟเอาใจช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ เพราะเมนูนี้มีส่วนผสมของกาแฟเอสเปรสโซ และช็อกโกแลตซอสลงไปในปริมาณเท่า ๆ กัน และตามด้วยนมร้อน สำหรับกาแฟมอคค่าก็ถือว่ากินง่าย หอมนัวด้วยกลิ่นช็อกโกแลต สามารถกินได้ทั้งแบบร้อน แบบเย็น และแบบปั่น

6มักคิอาโต้ 

เมนูมักคิอาโต้ เมนูกาแฟกับฟองนม

"มักคิอาโต้" เป็นกาแฟเอสเปรสโซที่เติมนมหรือฟองนมลงไป ทำให้รสชาตินัวและดื่มง่ายขึ้น กาแฟมักคิอาโต้กินได้ทั้งแบบร้อน แบบเย็น และแบบปั่น ส่วนใหญ่เมนูมักคิอาโต้ร้อนมักจะมีขนาดแก้วที่ค่อนข้างเล็ก ถ้าเทียบกับเมนูกาแฟร้อนอื่น ๆ เพราะใส่แค่กาแฟเอสเปรสโซ 1-2 ช็อต กับนมหรือฟองนมเท่านั้น

เรียกได้ว่า เมนูกาแฟบนโลกนี้นั้นมีหลากหลายหน้าตาและรูปแบบจริง ๆ ยิ่งมีเทรนด์และเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น วิวัฒนาการของกาแฟเองก็ค่อย ๆ พัฒนาไปตามยุคสมัยเช่นเดียวกัน และนอนว่านอกจากจะรู้เพียงแค่เมนูกาแฟผิว ๆ ก็คงไม่ได้ วันนี้เราเลยเอาวิธีชงกาแฟแบบเบสิกมาฝากเพื่อน ๆ ที่เริ่มเข้าวงการคอฟฟีเลิฟเว่อร์อีกด้วย 

รูปแบบและวิธีชงกาแฟ

วิธีชงกาแฟพื้นฐาน

1Drip / Pour Over

วิธีชงกาแฟที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยหัวใจสำคัญของการดริปกาแฟคือ การใช้น้ำร้อนในอุณหภูมิที่เหมาะสม ค่อย ๆ รินผ่านเมล็ดกาแฟบดหยาบที่อยู่บนกรวยหรือกระดาษกรอง ปล่อยให้น้ำไหลผ่านและหยดลงบนเหยือกที่รองอยู่ด้านล่าง ถือว่าต้องใช้เวลาและจังหวะที่พอเหมาะทีเดียว ใครที่สนใจวิธีชงกาแฟนี้ก็สามารถไปส่อง เจาะลึกวิธีดริปกาแฟแบบ step by step ได้เลย

2French Press

อีกหนึ่งวิธีการชงกาแฟที่สุดแสนจะง่าย และใช้อุปกรณ์น้อยสุด ๆ แค่มีอุปกรณ์ชงกาแฟแบบ French Press ก็สามารถทำได้แล้ว โดยวิธีการคือ นำกาแฟบดใส่ลงไปในที่ชง ตามด้วยน้ำร้อนแช่ไว้ประมาณ 4 นาที เสร็จแล้วค่อย ๆ กดตัวกรองลงไป เพื่อที่จะสกัดน้ำออกจากเมล็ด ซึ่งวิธีการชงนี้จะทำให้เราได้รับรสชาติและคาเฟอีนแบบโดยตรง 

3Moka pot

วิธีการชงกาแฟแบบฉบับคนอิตาลี ซึ่งวิธีการมีเพียงแค่นำหม้อ Moka pot ที่ประกอบไปด้วยช่องใส่น้ำร้อน และกาแฟบด เมื่อรินและใส่วัตถุดิบครบตามบริมาณแล้วจึงนำหม้อไปตั้งเตา รอจนน้ำเดือดและมีแรงดันจนทำให้กาแฟสกัดออกมาได้ เหมาะกับทำเมนูกาแฟเข้มข้น หอมกรุ่น ตามสไตล์อิตาลีเมืองแห่งกาแฟเอสเปรสโซ

4AeroPress

วิธีการชงกาแฟแบบสมัยใหม่ เป็นที่นิยมเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา โดยอุปกรณ์ในการชงจะเป็นทรงกระบอก เมื่อต้องการชงเพียงแค่ใส่เมล็ดกาแฟบดและน้ำร้อนในอุณภูมิที่เหมาะสมกับเมล็กนั้น ๆ และค่อย ๆ ดันลูกสูบของกระบอกลงมาเพื่อสร้างแรงดันอากาศ สกัดกาแฟผ่านตัวกรองและลงมาสู่แก้ว ใครอยากศึกษาแบบละเอียดก็สามารถตามดู วิธีทำกาแฟแบบ Aeropress แบบ Step by step กันได้เลย!

เต็มเม็ดเต็มหน่วยกันเลยทีเดียวกับ เจาะลึก “กาแฟ” แต่ละเมนูเรียกแบบไหน มีวิธีชงอย่างไรบ้าง? ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์เมล็ดกาแฟ ความแตกต่างของแต่ละเมนู ตลอดไปจนถึงวิธีการชง และสำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจอยากเปิดร้านกาแฟ ก็ไปต่อได้กับ แจกสูตรกาแฟฟรีจากบาริสต้ามืออาชีพ! รับรองว่าชงออกมารสชาติอย่างกับมือโปรฯแน่นอน!

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟกันต่อได้ที่

Reference

“The History of Coffee”, (n.d.) เข้าถึงได้จาก https://www.ncausa.org สืบค้นเมื่อ 10 กันยายน 2564

“Coffee Bean Types and Their Characteristics”, (n.d.) เข้าถึงได้จาก https://www.cafedirect.co.uk สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 2564

“Christina Herbst”, (2564) “Your Ultimate Guide to Different Types of Coffee” เข้าถึงได้จาก https://www.tasteofhome.com สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 2564

“Channah”, (n.d.) “6 Popular Methods for Brewing Coffee at Home” เข้าถึงได้จาก https://treescoffee.com สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 2564