“กาแฟ” เครื่องดื่มยอดฮิตที่ไว้เพิ่มความฟิตช่วงเช้า แต่เพื่อน ๆ เคยสงสัยไหมว่า กาแฟแต่ละแบบต่างกันยังไง? ก็เล่นมีทั้งอเมริกาโน ลาเต้ เอสเปรสโซ ละลานตาเต็มไปหมด หรือแม้กระทั่งเมล็ดกาแฟเองสรุปแล้วมีกี่สายพันธ์ุกันแน่ วันนี้เลยขอพาทุกคนไป เจาะลึก “กาแฟ” แต่ละเมนูเรียกแบบไหน มีวิธีชงอย่างไรบ้าง?
ทำความรู้จัก “เมล็ดกาแฟ” จุดกำเนิดเครื่องดื่มยอดฮิต
ก่อนจะไปเจาะลึกเมนูต่าง ๆ เรามาทำความรู้จักประวัติกาแฟกันก่อนดีกว่า เมล็ดกาแฟมีจุดกำเนิดมาจากที่ราบสูงในแถบเอธิโอเปียเมื่อหลายศตวรรษก่อน โดยมีตำนานที่เล่าว่า เมล็ดกาแฟถูกค้นพบโดย คาลดี (Kaldi) คนเลี้ยงแกะไปเจอผลเบอร์รีชนิดหนึ่ง พอลองชิมแล้วเกิดรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น จนนำมาทดลองสกัดเป็นเครื่องดื่มกินกันในหมู่บ้าน และได้เผยแพร่เป็นวงกว้างมากขึ้นจากประเทศอาราเบีย อิตาลี เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส จนกระจายทั่วโลก

และปัจจุบันสายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟ จะมีอยู่ 4 สายพันธ์ุหลัก ๆ ด้วยกันคือ
- Arabica พบมากที่สุดในอเมริกาเหนือ มีรสหอมหวาน นุ่มนวล
- Robusta เป็นที่นิยมในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รสชาติเข้มข้นและคาเฟอีนค่อนข้างสูง
- Liberica หนึ่งเมล็ดกาแฟหายาก รสชาติเป็นเอกลักษณ์ มีกลิ่นควันและผลไม้ป่าผสมกัน
- Excelsa สายพันธ์ุที่มักพบในแอฟริกา มีความเข้มและขมค่อนข้างมาก
เมนูกาแฟแต่ละแบบเรียกยังไง? ต่างกันตรงไหนบ้าง?
1เอสเปรสโซ

“เอสเปรสโซ” ถือว่าเป็นเหมือนเบสของกาแฟทั้งหมด เพราะเป็นกาแฟที่สกัดออกมาเป็นช็อต เข้มข้นที่สุด โดยวิธีการสกัดจะใช้แรงดันน้ำที่เดือด ผ่านตัวเมล็ดกาแฟ ออกมาเป็นช็อตกาแฟดำสุดเข้มข้น ที่เรียกว่า เอสเปรสโซ และกาแฟเอสเปรสโซ และนิยมกินแบบร้อน แต่ในปัจจุบันบางวัฒนธรรมก็มีการนำมาประยุกต์ดื่มแบบเย็นและเพิ่มความหวานเข้าไปเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น
2อเมริกาโน

“อเมริกาโน” หรือหลาย ๆ คนมักเรียกว่า กาแฟดำ แถมแคลอรีน้อย และดื่มง่ายที่สุด โดยรูปแบบคือการใส่น้ำเพิ่มเข้าไปในกาแฟเอสเปรสโซเพื่อให้ให้เจือจางลง มีทั้งแบบเย็นและแบบร้อน หรือบางสูตรอาจมีการเพิ่มน้ำผึ้ง น้ำส้ม น้ำเชื่อมต่าง ๆ ลงไปเพิ่มความหอมหวาน และดื่มง่ายขึ้นอีกด้วย
3คาปูชิโน

“คาปูชิโน” กาแฟนมที่มีฟองนมนุ่ม ๆ ด้านบนเป็นเอกลักษณ์ โดยวิธีคือจะนำนมมาสตรีมให้ร้อน และใส่กาแฟเอสเปรสโซลงไปประมาณ 6 ออนซ์ปริมาณต่อ 1 แก้ว และใส่ฟองนมลงไปท็อปด้านบน ดื่มได้ทั้งแบบกาแฟร้อน กาแฟเย็น และเป็นเมนูกาแฟปั่นก็ได้
4ลาเต้

“ลาเต้” เป็นเมนูกาแฟผสมนมที่รสชาติไม่เข้มมาก เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหัดกินกาแฟ วิธีทำก็คือนำนมมาสตรีมให้ร้อน เติมกาแฟเอสเปรสโซลงไป และเติมนมลงไป หรือหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับเมนูลาเต้ร้อนมักจะมีการทำลาเต้อาร์ต โดยการเติมนมลงไปให้เป็นลวดลายต่าง ๆ ด้วย เพิ่มความน่ารักน่ากินไปอีก
5มอคค่า

“มอคค่า” เมนูกาแฟเอาใจช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ เพราะเมนูนี้มีส่วนผสมของกาแฟเอสเปรสโซ และช็อกโกแลตซอสลงไปในปริมาณเท่า ๆ กัน และตามด้วยนมร้อน สำหรับกาแฟมอคค่าก็ถือว่ากินง่าย หอมนัวด้วยกลิ่นช็อกโกแลต สามารถกินได้ทั้งแบบร้อน แบบเย็น และแบบปั่น
6มักคิอาโต้

"มักคิอาโต้" เป็นกาแฟเอสเปรสโซที่เติมนมหรือฟองนมลงไป ทำให้รสชาตินัวและดื่มง่ายขึ้น กาแฟมักคิอาโต้กินได้ทั้งแบบร้อน แบบเย็น และแบบปั่น ส่วนใหญ่เมนูมักคิอาโต้ร้อนมักจะมีขนาดแก้วที่ค่อนข้างเล็ก ถ้าเทียบกับเมนูกาแฟร้อนอื่น ๆ เพราะใส่แค่กาแฟเอสเปรสโซ 1-2 ช็อต กับนมหรือฟองนมเท่านั้น
เรียกได้ว่า เมนูกาแฟบนโลกนี้นั้นมีหลากหลายหน้าตาและรูปแบบจริง ๆ ยิ่งมีเทรนด์และเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น วิวัฒนาการของกาแฟเองก็ค่อย ๆ พัฒนาไปตามยุคสมัยเช่นเดียวกัน และนอนว่านอกจากจะรู้เพียงแค่เมนูกาแฟผิว ๆ ก็คงไม่ได้ วันนี้เราเลยเอาวิธีชงกาแฟแบบเบสิกมาฝากเพื่อน ๆ ที่เริ่มเข้าวงการคอฟฟีเลิฟเว่อร์อีกด้วย
รูปแบบและวิธีชงกาแฟ

1Drip / Pour Over
วิธีชงกาแฟที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยหัวใจสำคัญของการดริปกาแฟคือ การใช้น้ำร้อนในอุณหภูมิที่เหมาะสม ค่อย ๆ รินผ่านเมล็ดกาแฟบดหยาบที่อยู่บนกรวยหรือกระดาษกรอง ปล่อยให้น้ำไหลผ่านและหยดลงบนเหยือกที่รองอยู่ด้านล่าง ถือว่าต้องใช้เวลาและจังหวะที่พอเหมาะทีเดียว ใครที่สนใจวิธีชงกาแฟนี้ก็สามารถไปส่อง เจาะลึกวิธีดริปกาแฟแบบ step by step ได้เลย
2French Press
อีกหนึ่งวิธีการชงกาแฟที่สุดแสนจะง่าย และใช้อุปกรณ์น้อยสุด ๆ แค่มีอุปกรณ์ชงกาแฟแบบ French Press ก็สามารถทำได้แล้ว โดยวิธีการคือ นำกาแฟบดใส่ลงไปในที่ชง ตามด้วยน้ำร้อนแช่ไว้ประมาณ 4 นาที เสร็จแล้วค่อย ๆ กดตัวกรองลงไป เพื่อที่จะสกัดน้ำออกจากเมล็ด ซึ่งวิธีการชงนี้จะทำให้เราได้รับรสชาติและคาเฟอีนแบบโดยตรง
3Moka pot
วิธีการชงกาแฟแบบฉบับคนอิตาลี ซึ่งวิธีการมีเพียงแค่นำหม้อ Moka pot ที่ประกอบไปด้วยช่องใส่น้ำร้อน และกาแฟบด เมื่อรินและใส่วัตถุดิบครบตามบริมาณแล้วจึงนำหม้อไปตั้งเตา รอจนน้ำเดือดและมีแรงดันจนทำให้กาแฟสกัดออกมาได้ เหมาะกับทำเมนูกาแฟเข้มข้น หอมกรุ่น ตามสไตล์อิตาลีเมืองแห่งกาแฟเอสเปรสโซ
4AeroPress
วิธีการชงกาแฟแบบสมัยใหม่ เป็นที่นิยมเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา โดยอุปกรณ์ในการชงจะเป็นทรงกระบอก เมื่อต้องการชงเพียงแค่ใส่เมล็ดกาแฟบดและน้ำร้อนในอุณภูมิที่เหมาะสมกับเมล็กนั้น ๆ และค่อย ๆ ดันลูกสูบของกระบอกลงมาเพื่อสร้างแรงดันอากาศ สกัดกาแฟผ่านตัวกรองและลงมาสู่แก้ว ใครอยากศึกษาแบบละเอียดก็สามารถตามดู วิธีทำกาแฟแบบ Aeropress แบบ Step by step กันได้เลย!
เต็มเม็ดเต็มหน่วยกันเลยทีเดียวกับ เจาะลึก “กาแฟ” แต่ละเมนูเรียกแบบไหน มีวิธีชงอย่างไรบ้าง? ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์เมล็ดกาแฟ ความแตกต่างของแต่ละเมนู ตลอดไปจนถึงวิธีการชง และสำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจอยากเปิดร้านกาแฟ ก็ไปต่อได้กับ แจกสูตรกาแฟฟรีจากบาริสต้ามืออาชีพ! รับรองว่าชงออกมารสชาติอย่างกับมือโปรฯแน่นอน!
ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟกันต่อได้ที่
Reference
“The History of Coffee”, (n.d.) เข้าถึงได้จาก https://www.ncausa.org สืบค้นเมื่อ 10 กันยายน 2564
“Coffee Bean Types and Their Characteristics”, (n.d.) เข้าถึงได้จาก https://www.cafedirect.co.uk สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 2564
“Christina Herbst”, (2564) “Your Ultimate Guide to Different Types of Coffee” เข้าถึงได้จาก https://www.tasteofhome.com สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 2564
“Channah”, (n.d.) “6 Popular Methods for Brewing Coffee at Home” เข้าถึงได้จาก https://treescoffee.com สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 2564