“สเต๊กเนื้อ” อาหารที่ใครหลาย ๆ คนโปรดปราน รวมถึงผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น สาวกคนรักเนื้อหรือสายเนื้อทั้งหลาย ที่ชอบกินเนื้อเป็นชีวิตจิตใจ ต้องห้ามพลาดร้านนี้ “Saha Steak And Butcher” ร้านเนื้อสัญชาติไทย ที่ใช้เนื้อไทย และคนไทยที่มีประสบการณ์คลุกคลีกับเนื้อมาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี เรียกได้ว่ายาวนานมากพอที่จะรังสรรค์เนื้อให้ออกมาดีที่สุดเลยค่ะ ชักจะอยากรู้ให้ลึกมากกว่านี้แล้ว ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว ไปดูพร้อม ๆ กันเลย!
ทันทีที่มาถึง ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศร้านที่สบาย ๆ ตกแต่งสวยงามน่านั่ง พร้อมทั้งเจอคุณกานต์ ศุภบรรพต หรือ Managing director ประจำร้าน Saha Steak And Butcher ทักทายอย่างเป็นกันเอง เมื่อพูดถึงที่มาที่ไปถึงได้รู้ว่า ร้านนี้จริง ๆ แล้วเริ่มต้นจากคุณโอ๋ ชินกร ทุมทอง และคุณพงษ์ ภัทรพงษ์ ดอกคำ ที่ยึดอาชีพ Butcher ที่ห้างสรรพสินค้าแผนกเนื้อมายาวนานกว่า 30 ปี การที่ต้องทำงานกับเนื้อ แล่เนื้อ ย่างเนื้อ และตอบคำถามลูกค้าเกี่ยวกับเนื้อทุกวันมายาวนานขนาดนี้ ทำให้ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับเนื้อของคุณโอ๋และคุณพงษ์นั้นมีความเชี่ยวชาญมาก
มาถึงช่วงเวลาหนึ่งที่ตัดสินใจร่วมลงทุนเปิดร้านอาหาร แต่ด้วยประสบการณ์เพียงเท่านั้นยังไม่เพียงพอ คุณกานต์ที่ได้เป็นลูกค้าประจำร้านนี้ ก็รู้สึกประทับใจในรสชาติ และอยากร่วมพัฒนาให้เนื้อไทยนั้นไปได้ไกลกว่านี้ อาศัยความรู้และประสบการณ์จากการเป็นสาวกเนื้อ ที่เดินทางลิ้มลองมาแล้วหลากหลายประเทศ ปรับปรุงพัฒนาภาพลักษณ์และการตลาดให้กลายมาเป็นร้าน Saha Steak And Butcher จนคว้ารางวัล LINE MAN Wongnai Users' Choice 2021 มาได้
ถ้าถามว่าทำไมถึงตั้งชื่อว่า Saha Steak And Butcher คุณกานต์ก็ได้พูดถึงที่มาของชื่อร้านว่า Saha ที่เราเรียกกันนี้ มาจากคำว่า สหกรณ์ เนื้อส่วนมากที่นำเข้ามาในร้าน จะเป็นเนื้อไทยจากสหกรณ์ตามจังหวัดต่าง ๆ นั้นจึงเป็นที่มาของชื่อนี้ บอกตรง ๆ ว่าพอได้ฟังแล้วก็รู้สึกประทับใจว่า เนื้อไทยของเราก็ไม่แพ้เนื้อชาติอื่น ๆ การเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้กับสหกรณ์ของประเทศไทยก็เป็นอีกเรื่องที่น่าภูมิใจมาก ๆ คุณกานต์และคุณโอ๋เสริมว่า เนื้อที่นำมาแต่ละอาทิตย์จะไม่ซ้ำกันแล้วแต่ว่าจะนำมาจากจังหวัดไหน และสาเหตุที่ว่าทำไมต้องเป็น “เนื้อไทย” นั่นเพราะว่าคุณกานต์ชอบรสชาติของเนื้อที่ไม่เลี่ยนจนเกินไปเหมือนกับเนื้อญี่ปุ่น และที่สำคัญเป็นการพัฒนาเนื้อไทยให้มีคุณภาพได้เทียบเท่ากับเนื้อต่างประเทศ ทำให้คนไทยหันมากินเนื้อไทยกันมากขึ้นอีกด้วย
จากที่เดินเข้าร้านมาจะเห็นว่าตรงด้านหน้าร้านจะมีตู้แช่เนื้อ เหมือนกับเวลาที่ทุกคนไปซื้อเนื้อตามซูเปอร์มาร์เกต เรียกได้ว่าสะดวก จะเลือกดูเนื้อชนิดไหนก็ได้ เพราะที่ร้านนี้นอกจากเนื้อจะดีแล้ว การบริการก็ดีไม่แพ้กัน เพราะลูกค้าทุกคนที่เข้ามาซื้อเนื้อหรือกินสเต๊กเนื้อของที่นี่ จะได้รับคำแนะนำเป็นอย่างดีจากบุชเชอร์ผู้มากประสบการณ์ นั่นก็คือคุณโอ๋ คุณโอ๋จะคอยตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อที่เราต้องการ สามารถร้องขอได้หมด จะชอบกินแบบไหน ติดมัน ไม่ติดมัน เนื้อที่รสชาติเข้มข้น หรือใครที่อยากลองอะไรแปลก ๆ ที่นี่ก็มีหมด เช่นเนื้อ Hanger's Steak Rump Flank และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากทุกคนจะเลือกเนื้อที่ชอบเองได้แล้ว ที่นี่จะชั่งน้ำหนักและคำนวณราคาให้เราได้เลย ใครที่ตั้งงบไว้และอยากกินเนื้อสัมผัสและรสชาติแบบไหน สามารถปรึกษาคุณโอ๋ได้เลยค่ะ ที่นี่ยินดีตอบมาก ๆ
ถ้าพูดถึงจุดเด่นของร้านนี้ ก็คงหนีไม่พ้น เนื้อวัว เพราะที่นี่มีเนื้อให้เลือกหลากหลายมาก ๆ เรียกได้ว่าคุณภาพเนื้อที่นี่เนี่ยคุ้มเกินราคา ใครที่อยากได้เนื้อแบบไหนก็บอกกับเชฟได้เลย ที่นี่การันตีในเรื่องของคุณภาพเนื้อจริง ๆ สังเกตได้จากตู้ Dry-Aged เนื้อ ที่ตั้งให้เห็นกันแบบชัด ๆ ไม่มีหมกเม็ด ลูกค้าคนไหนอยากจะมาถ่ายรูปคู่กับเจ้าตู้ Dry-Aged เนี่ย ก็สามารถมาเซลฟีกันได้เลย เพราะคุณกานต์บอกว่ามุมนี้ก็เป็นอีกมุมที่ฮอตฮิตมาก ๆ สำหรับสายโซเชียลที่อยากมาเช็กอิน ตั้งแต่ที่ฟังมาทั้งหมดเนี่ย ก็หายสงสัยแล้วค่ะว่าทำไมที่นี่ถึงได้รางวัล LINE MAN Wongnai Users' Choice 2021 ก็ครบเครื่องทั้งเรื่องเนื้อและเรื่องการบริการซะขนาดนี้
นอกจากเนื้อจะดีแล้ว คุณกานต์ยังบอกอีกว่า “การย่างเนื้อ” ก็สำคัญมาก ๆ เช่นกัน ถ้าเนื้อคือ 60% การย่างเนื้อก็ต้อง 40% ดังนั้นร้านนี้จะแน่นในเรื่องการย่างเนื้อมาก ๆ ด้วยประสบการณ์การย่างเนื้อของเชฟ และการพิถีพิถัน เก็บทุก ๆ รายละเอียดของคุณกานต์ ทำให้ในทุก ๆ ออร์เดอร์ต้องเป๊ะ ลูกค้าสั่งอะไรมา ต้องย่างให้ตรงตามออร์เดอร์ สำหรับที่นี่จะใช้เตาถ่านในการย่าง และไม้ที่ส่งตรงมาจากต่างจังหวัด ซึ่งเป็นบ้านของเชฟโอ๋เอง ไม้ที่ได้มาจะเป็นไม้ที่ใช้สำหรับการย่างเนื้อได้ดี ไฟไม่แรงมากจนเกินไป และไม่มีกลิ่นรบกวนจนทำให้เนื้อเสียกลิ่นและรสชาติดี ๆ ไป เรียกได้ว่าใส่ใจทุก ๆ ขั้นตอนจริง ๆ
จากที่ได้พูดคุยกับทางคุณกานต์ คุณโอ๋ และคุณพงษ์ บอกเลยว่าเห็นได้ถึง ความตั้งใจ ในการทำร้านนี้ และ ความมุ่งมั่น ที่จะผลักดันเนื้อของไทยให้มีคุณภาพเทียบเท่ากับเนื้อของต่างประเทศ อยากให้คนไทยได้กินเนื้อดี ๆ ที่คุณภาพเกินราคาที่จ่ายไป การใส่ใจกับทุก ๆ ขั้นตอนที่ทำ และการพิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกเนื้อ และวัตถุดิบต่าง ๆ ด้วยตัวเอง การใช้ประสบการณ์และความชำนาญในแต่ละด้านของแต่ละคนมาประกอบรวมกัน เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวและน่าทึ่งมาก ๆ ค่ะ และนอกจากจะมีร้านเนื้อแล้ว คุณกานต์ยังบอกอีกว่า ในทุก ๆ วันจะมีส่วนของ Waste เกิดขึ้น ส่วนนี้จะเป็นเศษเนื้อที่โดนตัดแต่ง ซึ่งเป็นเนื้อคุณภาพดี ทำให้คุณกานต์มีความคิดที่จะทำร้านเบอร์เกอร์กับคุณกันน์ Top Chef Thailand ขึ้นมา ซึ่งตอนนี้เปิดได้ 2 สาขาแล้ว เป็นเบอร์เกอร์แบบสั่งกลับบ้านค่ะ นอกจากนี้ยังมีโอมากาเสะเนื้อ เปิดให้ทุกคนได้จับจองที่นั่งกันได้แล้วอีกด้วย
สำหรับเมนูที่ได้ลองชิมไป มีเมนู “เนื้อริบอาย” 500 กรัม ราคา 1,250 บาท เสิร์ฟพร้อม “ชุดผัก” ราคา 50 บาท และ “Hanger's Steak” 200 กรัม ราคา 250 บาท และ “กะเพราเอ็นแก้ว” 300 กรัม ราคา 420 บาท เนื้อที่ได้ย่างได้พอดี มีความหอมจากการย่างด้วยเตาถ่าน และถ่านไม้พิเศษ ที่ทำให้เนื้อมีกลิ่นหอมมากขึ้น และส่วนเนื้อด้านนอกที่กรอบเล็กน้อย กับเนื้อด้านในที่ไม่สุกเกินไป เป็นรสชาติเนื้อที่ดีเกินราคาจริง ๆ ค่ะ ส่วนใครที่ชอบกินเนื้อกับน้ำจิ้ม ที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลาย ถ้าให้แนะนำจิ้มกับแจ่วสไตล์อีสานก็เด็ดไม่แพ้กันค่ะ ส่วนที่ประทับใจมาก ๆ เป็นพิเศษคือตัวกะเพราเอ็นแก้ว บอกตามตรงเลยว่าครั้งแรกที่ได้ยิน ก็จินตนาการไปก่อนเลยว่าอาจจะเหนียว แต่พอได้ลองแล้ว ชอบมาก ๆ เนื้อเอ็นแก้วเคี้ยวกรึบกำลังดี ไม่เหนียวเลย และที่สำคัญรสชาติซอสกะเพราก็เข้มข้นเข้าเนื้อมาก ๆ ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ส่วนใครที่ชอบเนื้อรสชาติเข้มข้น ได้กลิ่นเนื้อชัดเจน ก็แนะนำ Hanger's Steak เลยค่ะ ดีงามไม่แพ้เมนูอื่น ๆ เลย
จากที่ได้พูดคุยและได้ลองชิมบอกเลยว่าประทับใจร้านนี้จริง ๆ ค่ะ ที่ร้านมักจะมีลูกค้ามาเรื่อย ๆ ส่วนมากก็เป็นขาประจำ หรือบางคนได้ยินชื่อเสียงมานานก็ได้มีโอกาสมาลิ้มลอง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกัน นั่นก็คือความคุ้มค่าที่ได้มากินเนื้อร้านนี้ คุณภาพเนื้อที่ให้มาเกินราคา และการบริการอย่างเป็นกันเองกับลูกค้า ไม่ว่าจะถามเรื่องอะไรเกี่ยวกับเนื้อ เชฟและบุชเชอร์ก็ตอบและแนะนำได้หมดทุกอย่าง เรียกได้ว่ารู้สึกได้ถึงความใส่ใจจริง ๆ ใครที่อยากจะลองชิมก็ขอแนะนำให้มากันเถอะค่ะ แล้วจะไม่ผิดหวัง
ใครที่ยังไม่เคยมากินเนื้อที่ร้านนี้ อยากให้ลองมากันค่ะ กับร้าน “Saha Steak And Butcher” ร้านตั้งอยู่ในซอย ซอยลาดพร้าว 101 เลขที่ 265/5 ถนนลาดพร้าว จังหวัดกรุงเทพมหานคร ที่นี่เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 - 22.00 น. ใครที่ผ่านไปผ่านมาก็มาลองกันได้ค่ะ หรือใครที่ไม่สะดวกเดินทาง ก็สามารถสั่ง LINE MAN ได้ ที่นี่ ใครที่อยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองโต๊ะที่ร้าน สามารถติดต่อได้ที่ 095-929-5317 ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ